วุ่นทั้งวัน!แต่จบด้วยดี 'ทหารหนุ่มVSสาวแจ๊ส'เจอปรับคู่
ข่าวประจำวัน

โดยสายวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา เฟซบุ๊ก@ปพนศักดิ์ ทรัพย์เกษตรกิจ ระบุ "เหตุการณ์เช้านี้ก่อนหน้านี้ไม่รู้มีเรื่องอะไรกันมาก่อนแต่เห็นรถเก๋งviosวิ่งไล่จี้ตูดแล้วบีบแตรค้างไล่มาตลอดทางจนมาถึงที่เกิดเหตุ (ใส่ชุดข้าราชการอีกแล้ว) #ถนนพุทธมณฑลสาย3" พร้อมเผยคลิปเหตุการณ์ขณะที่รถยนต์โตโยต้า วีออส สีบรอนซ์ ได้บีบแตรยาว จากนั้นคนขับรถสวมชุดสีกากีได้วิ่งไปเตะรถยนต์ฮอนด้า แจ๊ส สีขาว 1 ครั้ง ก่อนจะวิ่งขึ้นรถและขับเบี่ยงหลบออกไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นดังนั้นชายหญิงเจ้าของรถแจ๊สได้ลงมาไล่ตามเจ้าของรถวีออสที่ไม่สามารถขยับรถไปได้ไกลนัก เนื่องจากการจราจรที่ติดขัด พร้อมเปิดศึกย่อมๆ กลางถนน ซึ่งภายหลังจากที่มีการทะเลาะและทำร้ายร่างกายกันไม่นาน ได้มีพลเมืองดีเข้าไปช่วยห้ามปรามเหตุดังกล่าว จนทำให้คลิปเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์แชร์ต่อไปทั่วสังคมออนไลน์อย่างรวดเร็ว
- เจออีก'หนุ่มขรก.'หัวร้อน กร่างถีบเก๋งก่อนถูกซัดกลับยับ!
- เปิดอีกคลิป'หนุ่มขรก.'หัวร้อน ซิ่งเก๋งไล่บี้ก่อนกร่างถีบรถ

ต่อมาช่วงเที่ยง จากการตรวจสอบพบว่า ชายเจ้าของรถเก๋งวีออส ซึ่งสวมเครื่องแบบข้าราชการที่ปรากฎในคลิปนั้นเป็นทหารเรือ ยศเรือตรี ส่วนฝ่ายคู่กรณีรถฮอนด้า แจ๊ส คือ น.ส.สุนาวรี อินดิบ วัย 32 ปี อาชีพช่างเสริมสวย และเพื่อนชาย หลังเรื่องกระหึ่มในโซเชียล เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ศาลาแดง เจ้าของพื้นที่เกิดเหตุได้ติดต่อให้ทั้งสองฝ่ายเข้ามาพูดคุยเจรจากันที่โรงพัก ซึ่งทั้งคู่ก็ยินยอมมาพบเจ้าหน้าที่แต่โดยดี
ด้าน พ.ต.อ.กฤตินาท ตุลยลักษณ์ ผกก.สน.ศาลาแดง เผยว่า ฝ่ายทหารยศเรือตรีให้การว่ารถของคู่กรณีขับอยู่เลนซ้าย แต่ไม่ยอมเลี้ยวซ้ายจึงบีบแตรไล่กัน ซึ่งทางเจ้าของรถแจ๊สได้เข้ามาทุบรถของตนเองก่อน จึงได้เข้าไปทำความเสียหายรถของคู่กรณีบ้างเท่านั้น ส่วนจะเป็นจริงหรือไม่นั้น จะต้องมีการสอบปากคำทั้งสองฝ่ายอย่างละเอียดอีกครั้ง พร้อมยืนยันจะให้ความเป็นธรรมทั้งคู่
- ยัน'หนุ่มหัวร้อนถีบรถ'เป็น'ทหาร' รีบให้การก่อนวิ่งหนีสื่อ

ขณะที่ น.ส.สุนาวรี กล่าวว่า ตนไม่ได้ขับรถปาดหน้ากับคู่กรณีตามที่ถูกกล่าวอ้าง แต่ขณะเกิดเหตุนายทหารพยายามขับจี้ท้ายรถ และบีบแตรตลอดทาง ก่อนที่นายทหารคนดังกล่าวจะตะโกนต่อว่าตนด้วยถ้อยคำหยาบคายพาดพิงไปถึงบุพการี ว่าทำไมนำสติกเกอร์มาปิดป้ายทะเบียนรถ พ่อแม่ไม่สั่งสอนหรือ ซึ่งตนโกรธมากที่มีคนมาต่อว่าพาดพิงถึงบุพการีของตน แต่ตนพยายามไม่สนใจ เนื่องจากที่ต้องปิดสติกเกอร์ทับเลขเดิมเนื่องจากไม่ถูกโฉลกกับเลข 1 และ 5 และพยายามใจเย็น คิดว่าเดี๋ยวไฟเขียวแล้วก็จะจบ ก่อนที่ตนจะขับหนีแต่ชายคนดังกล่าวยังไม่ยอม บีบแตรไล่หลัง และยังตะโกนด่าทอกันระหว่างรถไปมา
“กระทั่งติดไฟแดง ชายทหารคนดังกล่าวลงจากรถพร้อมกระโดดถีบท้ายรถของเราและพยายามจะขับรถหลบหนี เราจึงวิ่งเข้าไปหาพยายามเรียกให้ลงมาคุยกัน แต่เขากลับขับหนีจึงวิ่งตามไปพร้อมใช้ข้อศอกกระแทกกระจกคู่กรณีแตก ซึ่งเขาตกใจและย้ายไปนั่งเบาะข้างคนขับพร้อมตะโกนกลับมาใส่ร้ายว่า เราทำร้ายร่างกายเขา พยายามฆ่า และต่อว่าเราเมายา นอกจากนี้ยังข่มขู่ว่า รู้ไหมว่าเขาเป็นใคร เขาใส่ชุดข้าราชการสีกากี เป็นทหาร เขารู้จักผู้ใหญ่หลายคน และจะเอาเรื่องเราให้ถึงที่สุด หลังจากเกิดเรื่อง ตนก็ได้ลงรถมาเจรจากันโดยนายทหารคนดังกล่าวได้บอกกับตนว่าให้รับผิดชอบค่าเสียหาย ค่ากระจก 8,000 บาท ซึ่งตนพร้อมที่จะชดใช้ค่าเสียหาย เพราะยอมรับว่าบันดาลโทสะ" น.ส.สุนาวรี กล่าว
- 'แจ๊ส'เผยปม'ทหาร'ถีบรถ เอาคืนดันถาม'รู้ไหมเป็นใคร?'

ภายหลังทั้งสองฝ่ายได้เข้าไปสอบปากคำ ต่อมามีนายทหารระดับสูงยศนายพล ซึ่งเป็นพ่อของนายทหารคนดังกล่าว เปิดเผยว่า ลูกชายอาจจะเป็นผู้ถูกกระทำก่อนก็ได้ ซึ่งตามปกติแล้วธรรมชาติลูกชายจะเป็นคนอีกแบบหนึ่ง แต่ถ้าใครมาทำอะไรที่ไม่ถูกต้องเขาก็จะไม่ยอม เพราะเขาเป็นคนยึดความถูกต้องเป็นที่ตั้ง ลูกชายได้รับประกาศนียบัตรจากพระชั้นผู้ใหญ่ระดับประเทศ เป็นคนธรรมะธัมโม ซึ่งที่ผ่านมาจะอยู่ในโอวาทตลอด ส่วนในเรื่องของคดีความพ่อก็ไม่อยากเอาเรื่องค่าเสียหายใดๆ แต่ลูกชายไม่ยอม ซึ่งตนก็อยากให้อภัยซึ่งกันและกัน แต่เชื่อว่าที่มีปัญหากันอาจเคยมีเรื่องกันตั้งแต่อดีตชาติ
- พ่อทหารยันลูกใฝ่ธรรมะ เชื่อมีปัญหาแจ๊สตั้งแต่อดีตชาติ

หลังใช้เวลาหลายชั่วโมงในการไกล่เกลี่ย พ.ต.อ.กฤตินาท เปิดเผยว่า ทั้งฝ่ายต่างตกลงกันได้ไม่ติดใจเอาความกันแต่อย่างใด และต่างฝ่ายต่างขอโทษกันแล้ว ทางพนักงานสอบสวนจึงได้ทำการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมแจ้งข้อหาและเปรียบเทียบปรับทั้ง 3 คน คือ ทหารยศเรือตรี น.ส.สุนาวรี และเพื่อนชายที่นั่งรถมาด้วย ในข้อหา กระทำความอื้ออึงจนประชาชนแตกตื่น สำหรับน.ส.สุนาวรี มีความผิดเพิ่มเติ่มคือ มีการนำสติกเกอร์ปิดป้ายทะเบียนฮอนด้า แจ๊ส สีขาว หมายเลขทะเบียน 1 กญ5331 ได้ทำการเปรียบเทียบปรับเพิ่มเติมตามความผิด พ.ร.บ.รถยนต์ พ.ศ.2522 ตามกฎกระทรวงกำหนดลักษณะขนาดและสีของแผ่นป้ายทะเบียนรถ พ.ศ.2547 ต้องไม่นำวัสดุหรือสิ่งอื่นใดไม่ว่าจะก่อให้เกิดแสงสว่างหรือเรืองแสงหรือไม่ก็ตามมาปิดบังทับบังหรือติดไว้ในบริเวณใกล้เคียงกับแผ่นป้ายทะเบียนรถจนไม่สามารถมองเห็นตัวอักษรประจำหมวดหมายเลขทะเบียนหรือตัวอักษรบอกชื่อกรุงเทพมหานครหรือจังหวัด
- จบด้วยดี!'ทหารถีบเก๋ง-คู่กรณี' เจรจายอมความกันแล้ว
