นักก.ม.ชี้ตา-ยายจับหลานล่ามโซ่ ทำเกินกว่าเหตุ-ผิดอาญา
ข่าวประจำวัน
Webmaster
2019-05-09 12:55:00
12
Webmaster
2019-05-09 12:55:00
12
-
สนับสนุนเนื่อหา
จากกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ได้เข้าช่วยเหลือด.ญ.วัย 13 ปี ที่บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 6 บ้านท่าไชย ต.หัวโพธิ์ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี หลังจากเจ้าตัวได้ใช้มือถือถ่ายภาพตัวเองส่งให้เพื่อน หลังถูกตากับยายจับล่ามโซ่ ที่คอติดกับเตียงนอน กักขังภายในบ้าน เนื่องจากเกรงว่าหลานจะหนีเที่ยว ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อวันที่ 9 พ.ค. นายธนาธร ทาคำฟู นักวิชาการด้านกฎหมาย ม.แม่ฟ้าหลวง กล่าวกับ "เดลินิวส์ออนไลน์" ถึงกรณีดังกล่าวว่า กรณีที่บุตรหลานชอบเที่ยวเตร่ไม่เชื่อฟังผู้ปกครอง ตา ยาย จึงเกรงว่าหลานสาวจะใจแตกถูกผู้อื่นล่วงละเมิดทางเพศ หรือกระทำการไม่เหมาะสมประการอื่นนั้น ไม่ก่อให้ตา-ยายเกิดอำนาจในการที่จะหน่วงเหนี่ยวกักขังหลานสาวด้วยการใช้โซ่ล่ามให้ติดอยู่กับที่ได้ เป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุไปมาก การกระทำของตาและยายถือว่าเป็นการหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 วรรคหนึ่ง
แต่ความผิดตามมาตรานี้เป็นความผิดอันยอมความได้ เมื่อหลานสาวมีอายุเพียง 13 ปี ผู้เป็นแม่ที่ทำงานต่างจังหวัดเป็นผู้เสียหาย เป็นผู้มีอำนาจจัดการแทนลูกสาว ตามประมวลกฎหมาย ป.วิ.อาญา มาตรา 5 (1) แต่ผู้กระทำผิดเป็นพ่อและแม่ของตนเอง (ตาและยายของหลาน) ซึ่งตนได้ฝากลูกไว้ให้ช่วยเลี้ยง จึงน่าเชื่อว่าผู้เสียหายจะไม่ติดใจเอาความ กรณีนี้ยังถือว่าโชคดีเพราะหลานสาวไม่ได้รับอันตรายสาหัส เนื่องจากหากการหน่วงเหนี่ยวกักขังของตายายทำให้หลานสาวเกิดอันตรายสาหัส คดีจะแตกต่างออกไป เพราะจะเป็นคดีที่ไม่สามารถยอมความได้ แม้ว่าแม่ของเด็กจะไม่เอาความแต่ตำรวจก็จะต้องดำเนินคดีต่อไป
"การเลี้ยงดูบุตรหลาน ให้อยู่ในโอวาทจึงต้องใช้วิธีการอื่น ไม่ควรนำเอาวิธีการแบบที่ตายายทำอยู่ไปใช้ เพราะที่จริงแล้วมีความผิดตามกฎหมายอาญา เพียงแต่กรณีนี้ผู้เสียหายไม่ดำเนินคดีกับบุพการีของตนเท่านั้น"นายธนาธร กล่าว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตายายหลั่งน้ำตาจำใจจับล่ามโซ่ หลาน13ใจแตกหนีเที่ยว...
เมื่อวันที่ 9 พ.ค. นายธนาธร ทาคำฟู นักวิชาการด้านกฎหมาย ม.แม่ฟ้าหลวง กล่าวกับ "เดลินิวส์ออนไลน์" ถึงกรณีดังกล่าวว่า กรณีที่บุตรหลานชอบเที่ยวเตร่ไม่เชื่อฟังผู้ปกครอง ตา ยาย จึงเกรงว่าหลานสาวจะใจแตกถูกผู้อื่นล่วงละเมิดทางเพศ หรือกระทำการไม่เหมาะสมประการอื่นนั้น ไม่ก่อให้ตา-ยายเกิดอำนาจในการที่จะหน่วงเหนี่ยวกักขังหลานสาวด้วยการใช้โซ่ล่ามให้ติดอยู่กับที่ได้ เป็นการกระทำที่เกินสมควรแก่เหตุไปมาก การกระทำของตาและยายถือว่าเป็นการหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นให้ปราศจากเสรีภาพ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 310 วรรคหนึ่ง
แต่ความผิดตามมาตรานี้เป็นความผิดอันยอมความได้ เมื่อหลานสาวมีอายุเพียง 13 ปี ผู้เป็นแม่ที่ทำงานต่างจังหวัดเป็นผู้เสียหาย เป็นผู้มีอำนาจจัดการแทนลูกสาว ตามประมวลกฎหมาย ป.วิ.อาญา มาตรา 5 (1) แต่ผู้กระทำผิดเป็นพ่อและแม่ของตนเอง (ตาและยายของหลาน) ซึ่งตนได้ฝากลูกไว้ให้ช่วยเลี้ยง จึงน่าเชื่อว่าผู้เสียหายจะไม่ติดใจเอาความ กรณีนี้ยังถือว่าโชคดีเพราะหลานสาวไม่ได้รับอันตรายสาหัส เนื่องจากหากการหน่วงเหนี่ยวกักขังของตายายทำให้หลานสาวเกิดอันตรายสาหัส คดีจะแตกต่างออกไป เพราะจะเป็นคดีที่ไม่สามารถยอมความได้ แม้ว่าแม่ของเด็กจะไม่เอาความแต่ตำรวจก็จะต้องดำเนินคดีต่อไป
"การเลี้ยงดูบุตรหลาน ให้อยู่ในโอวาทจึงต้องใช้วิธีการอื่น ไม่ควรนำเอาวิธีการแบบที่ตายายทำอยู่ไปใช้ เพราะที่จริงแล้วมีความผิดตามกฎหมายอาญา เพียงแต่กรณีนี้ผู้เสียหายไม่ดำเนินคดีกับบุพการีของตนเท่านั้น"นายธนาธร กล่าว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตายายหลั่งน้ำตาจำใจจับล่ามโซ่ หลาน13ใจแตกหนีเที่ยว...
