ข่าวน้ำตาคลอผวาตาบอด ร้องเทรนเนอร์ค่ายมวยคนดังพาพวกรุมกระทืบ ฉุนขี่จยย.เฉี่ยวกันแล้วมองหน้า - kachon.com

วันที่ 15 ต.ค.2567 นายคมสัน อายุ 37 ปี พร้อม นายอดิศร อายุ 52 ปี วินจักรยานยนต์รับจ้าง หน้าหมู่บ้านบัวทองธานี ต.บางรักพัฒนา อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี พากันเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ระบุ ถูกชายพาพวกมารุมทำร้ายได้รับบาดเจ็บ ขณะนั่งรอรับผู้โดยสารอยู่ที่วิน เมื่อเวลา 23.30 น.วันที่ 14 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยนายอดิศร ได้รับบาดเจ็บที่เบ้าตาซ้าย ตามร่างกายมีบาดแผลถลอกหลายแห่งต้องเข้ารักษาตัวที่รพ.

นายคมสัน เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมากลุ่มผู้ก่อเหตุมี 3 ราย พากันมาที่วินแล้วโวยวายเสียงดังเพื่อตามหาตัวนายอดิศร ซึ่งในตอนนั้นมีวินจอดอยู่ 3 คันรวมทั้งนายอดิศร ทันทีที่เดินมาถึงหน้าวิน กลุ่มผู้ก่อเหตุก็ไล่ต่อยวินคนอื่นๆไปด้วย เมื่อเห็นนายอดิศรนั่งอยู่ 2 ใน 3 ก็วิ่งเข้าไปรุมทำร้ายนายอดิศรจนเป้าตาแตกมีเลือดไหลท่วมเต็มใบหน้า นายอดิศรล้มลงไปนั่งกับพื้นยกมือบอกกลุ่มผู้ก่อเหตุว่า

” ยอมแล้ว ยอมแล้ว ผมพยายามจะเข้าไปช่วยก็ถูกชกใส่หลายหมัดต้องตะโกนบอกว่านายอดิศรแย่แล้ว จะรีบช่วยพาไปส่งรพ. แต่ปรากฎว่า 1 ในผู้ก่อเหตุกลับกล่าวหาว่าผมเป็นพวกเดียวกันวิ่งมาไล่ต่อยอีกหลายครั้ง จนกระทั่งพานายอดิศรขึ้นซ้อนท้ายรถยังถูกวิ่งตามมาต่อยอีกหลายครั้งจนผมเริ่มมึนๆเหมือนกัน แต่ก็พาไปส่งรพ.ได้ ตนจำได้ว่า 1 ในกลุ่มผู้ก่อเหตุนั้นเป็นเทรนเนอร์ค่ายมวยนักการเมืองคนดังของนนทบุรี ที่ผมเคยบริการวิ่งรับส่งเขามาก่อน ”

ด้านนายอดิศร ซึ่งพักรักษาตัวอยู่ที่รพ. น้ำตาคลอเล่าเหตุการณ์ว่า เมื่อวานนี้ขณะที่กำลังเลี้ยวรถกลับมาจอดที่วิน รถของตนเกือบไปเฉี่ยวชนกับรถจักรยานยนต์คู่กรณี โดยตะโกนถามตนว่า มองหน้ามีปัญหาอะไรหรือเปล่า ด้วยความที่ไม่อยากมีเรื่องมีราว ก็ตอบไปว่าไปเถอะตนไม่อยากมีปัญหาด้วย คู่กรณีหยุดมองหน้าแล้วก็ขี่รถหายไปจากนั้นไม่นานก็ไปตามพวกอีก 2 กลับมาที่วินเมื่อมาถึงก็ตรงเข้ามารุมทำร้ายทันทีจนล้มลงกับพื้นแล้วถูกเตะที่เบ้าตาจนเป็นแผลฉีกขาด ตอนนี้ก็ยังไม่รู้ว่าตาจะมาเป็นปกติหรือไม่ ตาจะบอดไหมก็ยังไม่รู้ เพราะหมอบอกว่า อาการ 50/50 ต้องรอดูหลังการผ่าตัดอีกที

“อยากขอความเป็นธรรม ขอให้ตำรวจช่วยเร่งรัดติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี เพราะเกรงไม่ได้รับความเป็นธรรมและกลัวอันตรายจะตามมาอีก เนื่องจากทราบมาว่าตัวผู้ก่อเหตุเองเป็นคนคุมค่ายมวยของคนดังในพื้นที่ กลัวว่าคดีจะล่าช้าและติดตามตัวผู้ก่อเหตุไม่ได้”