ข่าวจับคาที่พักสงฆ์ พระหนูกุน วัย57 ล่วงละเมิดหลานสาว7ขวบ ก่อนหนีมาบวช - kachon.com

วันที่ 12 ก.ค.2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พร้อมด้วย พ.ต.อ.นิวัฒน์ พึ่งอุทัยศรี รอง ผบก สส.ฯ, นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบ TOP G จับกุม นายหนูกุน หรือ จ่อย (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 57 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดศรีสะเกษ ที่ จ.207/67 ลงวันที่ 28 พ.ค.2567

ข้อหา “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ กระทำชำเราเด็กอายุยังไม่เกินสิบสามปีซึ่งมิใช่ภริยาของตนโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม

บุกจับคาที่พักสงฆ์ พระหนูกุน วัย 57 ปี ล่วงละเมิดหลานสาว 7 ขวบ ก่อนหนีซ่อนตัวในคราบผ้าเหลือง ธุดงค์ภาคอีสาน เปิดปากสารภาพเล่าสาเหตุ

กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกิน สิบห้าปีโดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร” โดยสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณที่พักสงฆ์แห่งหนึ่ง ต.กระสัง อ.สตึก จ.บุรีรัมย์

ภายหลังจากเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2565 ผู้เสียหายมาพบพนักงานสอบสวนเพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับนายหนูกุนที่ได้ล่วงละเมิดกระทำชำเรา เด็กอายุ 7 ปี ที่เป็นหลาน โดยผู้เสียหายเป็นญาติและเป็นผู้ปกครองดูแล ได้ทราบเรื่องจากเด็กว่าได้ถูกนายหนูกุนซึ่งเป็นสามีใหม่ของย่า หลอกให้ทานขนมและเล่นมือถือ

จากนั้นจึงลงล่วงละเมิด เมื่อวันที่ 23 พ.ย.2565 เวลาประมาณ 12.30 น. ที่บริเวณห้องนอนที่บ้าน โดยมีการถ่ายคลิปไว้ และก่อนหน้านี้ก็เคยโดนนายหนูกุน ล่วงละเมิดมาก่อนด้วย จนผู้เสียหายมาเจอคลิปขณะกระทำอนาจารเด็ก จึงมาร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีกับ นายหนูกุน

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนทราบมาว่า นายหนูกุน หลังจากก่อเหตุแล้ว ได้หลบหนีไปบวชเป็น “พระหนูกุน” แล้วมาธุดงค์อยู่ทางภาคอีสาน จึงได้ทำการสืบสวนติดตามตัวพระหนูกุนมาดำเนินคดี จนกระทั่งมาจับกุมตัวได้ที่พักสงฆ์ดังกล่าว

ในชั้นจับกุม นายหนูกุน ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และยอมรับว่าได้ข่มขืนหลานสาวจริง โดยวันเกิดเหตุทำไปเพราะเมาสุรา ซึ่งปกติจะดื่มสุราเป็นประจำจนทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศ และหลังเกิดเหตุทราบว่า ผู้เสียหายได้ไปแจ้งความ จึงตัดสินใจหนีมาบวช

จากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำตัว นายหนูกุน ผู้ต้องหาตามหมายจับ นำส่ง สภ.ปรางค์กู่ ภ.จว.ศรีสะเกษ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย