ช็อก ลูกสาว ดับปริศนาที่มาเลเซีย เผยสาเหตุการเสียชีวิต เปิดปมพิรุธ
ข่าวประจำวัน
7 ต.ลำผักกูดอ. ธัญบุรี จ.ปทุมธานี นายศตวรรธ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี และ นางสุวรรภา พรมจันเสน อายุ 49 ปี สามีและแม่ของผู้ตายชื่อ น.ส.อารีญา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี
เดินทางมาร้องเรียนต่อ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ เนื่องจากสงสัยการเสียชีวิตของ น.ส.อารีญา หลังเดินทางไปทำงานประเทศมาเลเซียกับเพื่อนแล้วเสียชีวิตเมื่อวันที่ 21 เม.ย.67 โดยเพื่อนแจ้งเสียชีวิตจากการช็อกหัวใจล้มเหลวให้สามีเดินทางไปประเทศมาเลเซียเพื่อทำการเผา
แต่สามีไม่มีเงินค่าส่งศพกลับ และยังไม่ปักใจเชื่อการเสียชีวิต ขณะนี้ศพอยู่ที่โรงพยาบาลมะละกา ประเทศมาเลเซีย ต้องการนำศพกลับประเทศไทยเพื่อชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรมเนื่องจากการเสียชีวิตของภรรยามีพิรุธหลายอย่าง
นายศตวรรธ กล่าวว่า ตนได้อยู่กินกับน.ส.อารีญา มีลูกชายด้วยกัน 1 คน อายุ 5 ขวบ จดทะเบียนสมรสอยู่กินกันที่ จ.นครพนม ภรรยามีอาชีพทำอาหารส่งให้กับเด็กอนุบาลโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นครพนม กลางเดือน มี.ค.67 ภรรยาเห็นเพื่อนไปทำงานต่างประเทศจึงสนใจและอยากไปทำงานต่างประเทศบ้าง
นายศตวรรธ กล่าวต่อว่า จึงมาบอกกับตนว่าจะเดินทางไปเรียนภาษาและพักอยู่กับเพื่อนที่ จ.ชลบุรี ระหว่างนั้นตนกับภรรยาได้มีการติดต่อพูดคุยกันตลอด และได้พูดคุยกับภรรยาครั้งสุดท้ายวันที่ 18 เม.ย.67 โดยภรรยาบอกว่ารองานอยู่ หลังจากนั้นไม่ได้คุยกัน เพราะเห็นว่าภรรยามีการโทรศัพท์คุยกับลูกชายอยู่
นายศตวรรธ กล่าวอีกว่า กระทั่งวันที่ 22 เม.ย.67 ตนทราบเรื่องจาก นางบูม (นามสมมติ) ซึ่งเป็นแม่ยาย โทรศัพท์มาบอกว่า ภรรยาตนเสียชีวิตเมื่อวันที่ 21 เม.ย.67 ที่ประเทศมาเลเซีย ตนตกใจมากว่าภรรยาไปเสียชีวิตที่ประเทศมาเลเซียได้อย่างไร เพราะที่ผ่านมา ตนคุยกับภรรยาทราบว่าอยู่ จ.ชลบุรี
นายศตวรรธ กล่าวด้วยว่า จึงได้ไปเปิดดูโทรศัพท์ของลูกชายพบว่า ภรรยาพูดคุยกับลูกชายวันที่ 19 เม.ย.67 ครั้งสุดท้าย ตนจึงได้ติดต่อไปสอบถามกับเพื่อนของภรรยาถึงสาเหตุการเสียชีวิตของภรรยา เพื่อนบอกว่าภรรยาเสียชีวิตจากการช็อกหัวใจล้มเหลวและไม่ยอมให้ข้อมูลใด
สามีของผู้ตาย กล่าวว่า และเร่งรัดให้ตนเดินทางไปที่ประเทศมาเลเซียเพื่อทำการเผาศพภรรยาโดยเร็ว แต่ตนไม่ยอมให้เผาที่มาเลเซีย ขอให้ส่งศพมาชันสูตรการเสียชีวิตที่ประเทศไทย เนื่องจากการเสียชีวิตของภรรยามีพิรุธหลายอย่าง
นายศตวรรธ กล่าวอีกว่า ต่อมาวันที่ 24 เม.ย.67 ตนได้ติดต่อสอบถามกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบว่า มีรายชื่อของภรรยาตนเดินทางไปที่ประเทศมาเลเซียหรือไม่
นายศตวรรธ กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบพบว่า ภรรยาตนมีการเดินทางเข้าประเทศมาเลเซีย เมื่อวันที่ 31 มี.ค.67 ซึ่งที่ผ่านมาตนไม่เคยรู้เลยว่าภรรยาเดินทางไป ตนจึงติดต่อมาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ เพราะสงสัยการเสียชีวิตของภรรยา และต้องการนำศพกลับประเทศไทย
ด้าน นางสุวรรภา กล่าวว่า ปกติลูกสาวจะติดต่อมาหาแม่อยู่ตลอด กระทั่งวันที่ 22 เม.ย.67 ตนเห็นว่าลูกสาวไม่ได้ติดต่อมาเป็นเวลา 3 วันแล้ว จึงได้โทรศัพท์ไปหาลูกสาว แต่ปลายสายเป็นเพื่อนของลูกสาวรับสายและบอกว่า “ให้แม่ทำใจดี ๆ” จากนั้นเพื่อนลูกก็ส่งโทรศัพท์ให้ผู้หญิงอีกคนพูดสาย ซึ่งแม่ก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร
นางสุวรรภา กล่าวต่อว่า เขาบอกว่า ลูกสาวแม่เสียชีวิตแล้วตั้งแต่วันที่ 21 เม.ย.67 สาเหตุจากการช็อกหัวใจล้มเหลว ขณะนี้ศพอยู่ที่โรงพยาบาลมาละกา แม่จึงขอให้ส่งที่อยู่และรูปภาพศพของลูกสาวมาให้ดู แต่เพื่อนลูกกับหญิงสาวคนดังกล่าวก็ไม่ยอมส่งให้ และเร่งรัดให้แม่กับสามีลูกสาวรีบเดินทางไปที่มาเลเซียเพื่อทำพิธีเผาศพที่นั่น
แม่ของผู้ตาย กล่าวอีกว่า โดยเพื่อนลูกสาวเรียกผู้หญิงคนนั้นว่าแม่ บอกว่าจะให้สามีเดินทางไปมาเลเซียโดยจะออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้กับสามีและเสียค่าใช้จ่ายเผาศพของลูกสาวให้เผาที่ประเทศมาเลเซีย แต่แม่กับสามีของลูกยังไม่ยอมให้เผา เพราะการเสียชีวิตของลูกสาวมีพิรุธ
นางสุวรรภา กล่าวด้วยว่า ทำไมจึงจะรีบเผาศพ ไม่ยอมส่งรูปศพมาให้และมีเงื่อนงำ ครอบครัวไม่เคยรู้เลยว่าลูกสาวเดินทางไปที่มาเลเซีย จึงติดต่อมาขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ ประสานกระทรวงการต่างประเทศส่งศพลูกสาวกลับประเทศไทย และขอให้มูลนิธิปวีณาฯ ส่งศพลูกสาวชันสูตรเพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง จนกว่าลูกสาวจะได้รับความเป็นธรรม
หลังรับเรื่อง นางปวีณา กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจ เป็นที่น่าเป็นห่วงระยะหลังนี้มีหญิงไทยเสียชีวิตในต่างประเทศต่อเนื่องหลายคน มูลนิธิปวีณาฯรับเรื่องหญิงไทยเสียชีวิตตั้งแต่ต้นปี 2567 เฉพาะประเทศมาเลเซีย 4 ราย ประเทศบาห์เรน 1 ราย (รอส่งศพกลับประเทศไทย) ที่มีลักษณะมีเงื่อนงำ มีพิรุธ
นางปวีณา กล่าวต่อว่า จึงขอเตือนหญิงไทยที่จะไปต่างประเทศให้พิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อน อยากให้หญิงไทยที่อยู่ประเทศมาเลเซียช่วยกันดูแลคนไทยด้วยกันให้ได้รับความปลอดภัย
มูลนิธิปวีณาฯได้ประสานกองคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศ กรมการกงสุล กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อนำส่งศพ น.ส.อารีญา กลับประเทศไทย และจะประสานสถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ ส่งศพ น.ส.อารีญา ไปชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงในเร็วนี้ โดยจะติดตามเคสอย่างใกล้ชิดต่อไป
นางปวีณา กล่าวว่า ค่าใช้จ่ายส่งศพประมาณ 30,000 บาท ขอประชาสัมพันธ์ คนไทยในมาเลเซียร่วมบริจาคเงินส่งศพกลับประเทศไทย สำหรับรถที่จะต้องรับส่งศพกลับภูมิลำเนาและฌาปนกิจ ทางมูลนิธิปวีณาฯจะช่วยค่าใช้จ่ายทั้งหมด และมูลนิธิปวีณาฯส่งชันสูตรที่สถาบันนิติเวชโรงพยาบาลตำรวจ หาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง
ขอขอบคุณข้อมูลจากทางข่าวสดออนไลน์
.......
ประมวลปาฏิหาริย์แห่งเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ (คลิ๊ก)
บารมีเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ รุ่นกรุงธนบุรี คุ้มครองชีวิต (คลิ๊ก)
ประมวลปาฏิหาริย์แห่งเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ (คลิ๊ก)
ปาฏิหาริย์อีกครั้ง เหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ ช่วยชีวิตคุณยายวัย 73 ปี ให้รอดตายอย่างน่าอัศจรรย์ใจ (คลิ๊ก)พระธรรมรัตนดิลก เจ้าอาวาสวัดอรุณ พระผู้สร้างเหรียญพระเจ้าตากชาววัดอรุณ หนึ่งเดียวในตำนานประวัติศาสตร์กรุงธนบุรี (คลิ๊ก)
สแกน QR Code เพื่อการเที่ยวชมความจริงของวัดอรุณราชวรารามแบบจำลองความจริงทั้งพระบถ
QR Code เพื่อการสำรวจความงามของวัดอรุณทั้งพระอาราม.
QR 碼以探索黎明寺的美麗。整個修道院。