ข่าวปิดคดีโจรกรรมพระพุทธรูป ตร.บุกรวบยกแก๊ง สารภาพขายหาเงินซื้อยาเสพติด พบประวัติโชกโชน - kachon.com

27 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณี เมื่อ 11 มี.ค. 67 คนร้ายบุกโจรกรรม พระพุทธรูป ทรงเครื่องสมัยกรุงศรีอยุธยาและปูชนียวัตถุอีกกว่า 35 รายการ หายไปจากพระวิหารในวัดประตูสาร ต่อมา ในช่วงเช้าในถูกกดดันอย่างหนัก จากสื่อ ทำให้ ช่วงเช้า คนร้ายได้นำพระพุทธรูป เนื้อสำริด มาวางทิ้งไว้บริเวณริมถนน สาย 357 ต.วังยาง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน จึงได้ติดตามเบาะแส จากกล้องวงจรปิด และติดตามพฤติกรรมรวบรวมพยานและหลักฐาน จนสามารถติดตามทราบเบาะแส จึงได้มีการวางแผน ในการจับกุม โดยต่อมา มีการนำของกลางมาทิ้งไว้ บริเวณ ริมถนน ตำบลสนามชัย จากนั้นเจ้าหน้าที่ไดทำการ นำของกลางมาตรวจสอบ และได้ดำเนินการติดตามเบาะแสของคนร้ายอย่างต่อเนื่องพร้อมได้รวบรวมพยานหลักฐานจนครบ ก่อนออกหมายจับตามหมายศาล จ.สุพรรณบุรี 54/2567 ในวันนี้ได้ตามไปรวบตัว ได้ที่ อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี

ที่สภ.เมืองสุพรรณบุรี พล.ต.ต.วัชรินทร์. ประสพดี. ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี ได้เดินทางมาสอบสวนผู้ต้องหาด้วยตัวเอง พร้อมด้วย พ.ต.อ.พีระ อัศวพิบูลผล ผกก.สส.ภ.จว.สพ พ.ต.อ.พีระพจน์ ระหว่างบ้าน ผกก.สภ.เมืองสุพรรณ ชุดสืบสวน กก.สส. , ชุดสืบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี

โดยได้ร่วมกันทำการสอบปากคำ ผู้ต้องหา พร้อมของกลาง เป็นรถยน์กระบะ อีซูซุ ดีแม็ค แค็ป สีดำ ทะเบียน กก 3379 สิงห์บุรี รถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุ ทั้งนี้ ผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย. ผู้ต้องหาที่ 1 น.ส.กุศริน หรือ กู้ แสนทวี อายุ 39 ปี. ต.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ผู้ต้องหาที่ 2 นายสมโภช หรือคราฟ ธำรงวุฒิ อายุ 36 ปี ต.อินทร์บุรี อ.อินทร์บุรี จว.สิงห์บุรี ผู้ต้องหาที่ 3 น.ส.ชลธิชา หรือปู ปล้องทอง อายุ 30 ปี ต.อินทร์บุรี อ.อินทร์บุรี จว.สิงห์บุรี

โดยทั้ง 3 คน ถูกแจ้งข้อกล่าวหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์นั้น โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิดหรือพาทรัพย์นั้นไป”

จาการสอบสวน ทราบว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย เป็นคนจ.สิงห์บุรี และได้เดินทางมาเที่ยวที่จ.สุพรรณบุรี จากนั้นก่อนโจรกรรมได้มานั่งกินบัวลอย ก่อนมีการวางแผนในการเปลี่ยนเลขทะเบียนรถ และลงมือในช่วกลางดึก โดยใช้คีมตัดกุญแจเข้าไปขโมยของ ทั้งพระพุทธรูป สูงประมาณ 1 เมตร 50 ชม. ฐานกว้าง 50 ซม. เนื้อสำริด และทรัพย์สินอย่างอื่นอีกหลายการ

โดยขนขึ้นรถ และต่อมาได้ดูองค์พระเห็นมีเลข อยู่ใต้ฐานพระ จึงกลัวว่าจะถูกจับ และประกอบกับดูข่าวด้วย จึงตัดสินใจเอามาคืน ในช่วงเช้ามืด ก่อนเดินทางไปบ้านพักที่ อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี และ ถูกตำรวจติดตามมาจับกุมได้ในที่สุด

ส่วนด้านผู้ต้องหา ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน เพียงกล่าวสั้นๆ ว่าไม่ขอพูด ผู้สื่อข่าวถามว่าเจอเรื่องลี้ลับอะไรหรือไม่ ที่ตอนแรกตัดสินใจนำพระมาคืน โดยผู้ต้องหานายคราฟ ได้ตอบว่าไม่เจอ และให้ปากคำกับร้อยเวรอย่างเดียว

พล.ต.ต.วัชรินทร์ ประสพดี ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี เปิดเผยว่า จากการสอบสวนทราบว่า ผู้ต้องหาเป็น ชาย 1 รายและ ผู้หญิง 2 ราย โดยหลังเกิดเหตุ ตำรวจได้ติดตามสืบสวนอย่างต่อเนื่องจนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานจนครบ ก่อนออกหมายจับและได้ตามไปจับกุมตัวที่บ้านพัก ใน อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี

ทั้ง 3 คน โดยรับสารภาพว่า ที่ทำลงไปคือประสงค์ต่อทรัพย์ โดยมีการหาข้อมูลทางโซเชียลว่าวัดไหนมีของเก่าแก่ที่ไหน เพื่อจะได้นำไปขาย และส่วนหนึ่งก็ได้นำมาคืนเพราะถูกกดดันอย่างหนัก จึงไม่สามารถนำไปขายได้ ซึ่งหลังจากทางตำรวจได้ของกลางทั้งหมด ได้นำส่งคืนให้กับทางวัดประตูสารเรียบร้อยแล้ว และได้ดำเนินคดีทางกฎหมาย

จากการตรวจสอบประวัติ พบว่า ทั้ง 3 ราย มีประวัติอาชญากรรม นายสมโภช หรือคราฟ มีประวัติ เคยต้องโทษคดี พ.ร.บ.อาวุธปืน , จำหน่ายยาเสพติด ,ทำร้ายร่างกาย , และร่วมกันลักทรัพย์ ส่วน น.ส.ชลธิชา หรือปู เคยต้องโทษคดี น.ส.กุศริน หรือกู้ เคยต้องโทษคดีทั้งคู่

การจับกุมในครั้งนี้ทางตำรวจชุดสืบสวน ทั้ง กก.สส.ภ.จว.สพ และ ชุดสืบสวน สภ.เมืองสุพรรณบุรี ได้เฝ้าติดตามเบาะแส และติดตามอย่างต่อเนื่อง จนได้ผู้ต้องที่ก่อเหตุมาดำเนินคดีทางกฎหมายได้ครบ ก็ต้องขอชมเชยทีมงานทุกคน ในการปฏิบัติหน้าที่ครั้งนี้