ข่าว"เจ๋ง ดอกจิก" ยิ้มแย้ม ยืนยันบริสุทธิ์ ไม่เกี่ยวแก๊งตบทรัพย์ เผยอับอาย ต้องเข้าวัด ปิดวาจา - kachon.com

วันที่ 27 ก.พ.2567 นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก พร้อมด้วย น.ส.พิมณัฏฐา จิระพุทธิภาคย์ หรือ การ์ตูน อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรครวมไทยสร้างชาติ และ นายไตรศักดิ์ ทองไสว ทนายความ เดินทางเข้าพบ พนักงานสอบสวน บก.ปปป. เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม หลังตกเป็นผู้ต้องหาคดีร่วมกันตบทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว

วันนี้ นายยศวริศ เดินทางมาด้วยใบยิ้มแย้ม ดูไม่มีความกังวล พร้อมเปิดเผยว่า หลังได้รับการประกันตัว ได้ขอเจ้าหน้าที่กลับไปเตรียมเอกสารหลักฐาน เพื่อมาชี้แจงในประเด็นต่างๆ รวมถึงหาข้อมูลเพิ่มเติมในประเด็นที่สำคัญ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงความบริสุทธิ์

วันนี้ตนจึงมาให้ข้อมูลเพิ่มเติมในประเด็นข้อสงสัย ถือเป็นการให้ความร่วมมือกับเจ้าพนักงาน แต่ในส่วนเอกสารหลักฐานส่วนใหญ่เป็นหลักฐานจากหน่วยงานราชการ ทำให้ต้องใช้เวลาขอตามขั้นตอน จึงทำให้ยังนำมาไม่ครบถ้วน และไม่สามารถบอกได้ว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่

ส่วนจะชี้แจงประเด็นใดบ้างนั้นตนยังไม่ขอเปิดเผย เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบต่อรูปคดี แต่ที่แน่ๆคือไม่มีหลักฐานแชทข้อความการสนทนากับคนที่อยู่ในคดีความด้วย เนื่องจากมีบางอย่างต้องเก็บไว้ต่อสู้ในชั้นศาล

นายยศวริศ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาตนไม่ได้หายไปไหน แต่เข้าวัดเพื่อปฏิบัติธรรมอย่างเดียว เนื่องจากเรื่องราวที่เกิดขึ้นสร้างความอับอายให้กับตนเองและวงศ์ตระกูล แทบจะพบหน้าใครไม่ได้ แม้แต่บ้านที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีก็กลับไปไม่ได้ เพราะทำให้ญาติพี่น้องอับอายขายหน้า

โดยสังคมไทยมักตัดสินจากสื่อ ทั้งที่ศาลยังไม่ได้พิสูจน์ จึงอยากร้องขอความเป็นธรรมด้วย ตนขอยืนยันในความบริสุทธิ์อย่างเต็มที่ และพร้อมที่จะไปพิสูจน์ความจริงกันในชั้นศาล

นายยศวริศ กล่าวต่ออีกว่า ช่วงที่ผ่านมาตนไม่ได้พบหรือพูดคุยกับนายศรีสุวรรณ จรรยา แต่อย่างใด และไม่ได้พบกับใครทั้งสิ้น ทุกวันทำหน้าที่เป็นลูกวัด ปฏิบัติธรรมเพื่อความสบายใจ ปิดวาจา เพียงอย่างเดียว

ส่วนของคดีความนั้นตนไม่มีความกังวล เพราะเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของตัวเอง ทั้งชีวิตไม่เคยทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว จะมีการกล่าวหาอย่างไรก็ดำเนินการไป ตนมีหน้าที่ชี้แจง โดยศาลจะเป็นผู้ตัดสินว่าผิดหรือไม่

ด้าน นายไตรศักดิ์ เปิดเผยว่า ส่วนตัวไม่มีความกังวลอะไรในคดี เนื่องจากเป็นทนายของผู้ต้องหา จึงมีหน้าที่ชี้แจงข้อสงสัย สิ่งเดียวที่เป็นห่วงคือ กลัวการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ซึ่งจะทำให้คดีล่าช้าเท่านั้น