ทลายเพจโรงแรมปลอม หลอกจองห้องพัก ผู้เสียหายเพียบ สูญ 1.4 ล้าน
ข่าวประจำวัน
เมื่อวันที่ 2 ก.พ. 2567 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ สุดสงวน รองผบช.สอท. พล.ต.ต.พงษ์สยาม มีขันทอง รอผบช.ทท. พร้อมด้วยตัวแทนจากกรมการท่องเที่ยว แถลงข่าวปฏิบัติการ BOOKING GONE ทลายเครือข่ายเพจโรงแรมปลอมหลอกจองห้องพัก 2 คดี มูลค่าความเสียหาย 1.4 ล้านบาท
คดีที่ 1.จับกุมนายสุนทร อายุ 37 ปี ชาวจังหวัดภูเก็ต อดีตนายหน้ารับจองที่พัก เจ้าของเพจหนึ่ง รับจองพักประเภท Pool Villa และมีเพจปลอมหลายบัญชี มีผู้เสียหาย 40 ราย มูลค่า 800,000 บาท ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและโดยทุจริต หรือหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน และเป็นผู้เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยไม่ได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือเพื่อกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง”
จับได้ที่หน้าห้องเช่าพื้นที่หมู่ที่ 9 ต.ทุ่งยาวอ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน ยังพบหมายจับอีก 4 หมายจับ ทั้งในพื้นที่ศาลจังหวัดธัญบุรี ศาลจังหวัดร้อยเอ็ด ศาลจังหวัดสิงห์บุรี และศาลจังหวัดสมุทรสาคร
โดยนายสุนทรสร้างเพจที่พักประเภท Pool Villa หลายเพจ ใช้ชื่อแตกต่างกันไป เลี่ยงใช้ชื่อโรงแรมจริง จากนั้นโพสต์ภาพสถานที่จริง ที่โหลดมา เน้นห้องพักที่มีวิวน่าดึงดูดใจ เพื่อให้เหยื่อสนใจ จากนั้นจะแปะช่องทางการติดต่อไว้ที่หน้าเพจ ทั้งเบอร์โทรและบัญชีไลน์
ซึ่งสามารถติดต่อได้จริงทุกช่องทาง เมื่อเหยื่อต้องการจองห้องพัก นายสุนทรให้เหยื่อโอนเงินมัดจำเพียงครึ่งเดียว เพื่อสร้างความไว้ใจ แล้วมีการส่งพิกัดของที่พัก รวมถึงข้อมูลห้องพักต่างๆ เหมือนมีอยู่จริง โดยเหยื่อสามารถติดต่อกับนายสุนทรได้จนกว่าเหยื่อไปถึงสถานที่จริง แล้วไม่ได้เข้าพัก หรือจนกว่าเหยื่อจะรู้ตัว จึงจะบล็อกทันที
นายสุนทรยังหลอกผู้อื่นมาเป็นบัญชีม้า โดยการโพสต์รับสมัครงานตามกลุ่มเฟซบุ๊กหางาน ในตำแหน่งแอดมินเพจเฟซบุ๊ก ทำหน้าที่ประสานงานและรับจองห้องพัก หลอกผู้สมัครงานว่าต้องใช้บัญชีธนาคารของผู้สมัครงานเป็นช่องทางการรับเงินค่าจองห้องพัก ซึ่งผู้สมัครงานไม่ทราบว่าโรงแรมที่ตนรับจองให้เหยื่อนั้น ไม่มีอยู่จริง สุดท้ายผู้สมัครงานจึงกลายเป็นบัญชีม้าโดยไม่รู้ตัว เบื้องต้นนำตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 2. จับกุมนายบุริณ อายุ 20 ปี ชาวจ.เชียงราย ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นคนอื่น นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน สมคบกันโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกันและร่วมกันฟอกเงิน จับได้พื้นที่ ต.บ้านดู่ อ.เมือง จ.เชียงราย หลังกดเงินจากตู้ ATM เพื่อเตรียมส่งข้ามชายแดน มีผู้เสียหาย117 คดี มูลค่า 601,219 บาท
นายบุริณ เป็นคนกดเงินบัญชีม้า 691,000บาท ของเพจโรงแรม MYS Khaoyai เป็นเพจปลอม มีผู้ติดตามกว่า 20,000 ราย โดยเพจปลอมดาวน์โหลดวิดีโอคลิป และภาพจากเพจโรงแรมของจริง แล้วนำมาอัปโหลดลงเพจปลอม พร้อมทั้งซื้อพื้นที่โฆษณาในเฟซบุ๊ก เพื่อเพิ่มการเข้าถึงของประชาชน เมื่อมีเหยื่อหลงเชื่อ จะเสนอโปรโมชั่นที่ทำให้จ่ายถูกกว่าปกติ เมื่อหลงเชื่อโอนเงินจองที่พักให้แล้ว ก็จะไม่สามารถติดต่อกับเพจโรงแรมปลอมได้อีก
พล.ต.ต.อรรถสิทธิ์ เปิดเผยว่า จากสถิติการรับเรื่องแจ้งความอาชญากรรมออนไลน์ตั้งแต่ปี 2565-2567 พบว่าคดีการหลอกลวงซื้อขายสินค้าบริการมีจำนวนมากที่สุด ซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีเรื่องของการหลอกลวงจองที่พัก
ช่วงเดือนมีนาคมและตุลาคม ซึ่งเป็นช่วงที่สถานศึกษาปิดเทอมและเป็นช่วง High Season พบหลอกจองที่พักเป็นจำนวนมาก ทางตำรวจจัดการปราบปรามเพจปลอมเหล่านี้ให้หมดไป อีกทั้งฝากเตือนถึงพี่น้องประชาชนว่า ให้ระมัดระวังการจองที่พักออนไลน์
ย้ำว่าหากเป็นเพจเฟซบุ๊กควรจะต้องเป็นเพจที่ได้รับการรับรอง Blue check หรือมีเครื่องหมายติ๊กถูกหลังชื่อเพจหรือเป็นสถานที่พัก ที่จดทะเบียนถูกต้องจากทางราชการ ทางที่ดีที่สุดควรจองผ่านเว็บไซต์ที่ได้รับมาตรฐาน เช็กข้อมูลก่อนโอนเงิน
หรือเข้าไปเช็กข้อมูลในเว็บไซต์ “เช็คก่อน.com” ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและที่สำคัญก็คือ บัญชีธนาคารที่ต้องโอนเงินนั้น ควรจะต้องเป็นบัญชีของโรงแรมที่พักหรือบริษัท ไม่ควรเป็นบัญชีของส่วนบุคคล
ด้านพล.ต.ต.พงษ์สยาม เปิดเผยว่า ในส่วนตำรวจท่องเที่ยวได้ร่วมมือกับทางตำรวจไซเบอร์ในการกำหนดแนวทางป้องกันการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ที่มาก่อเหตุกับวงการท่องเที่ยวของประเทศไทย ทั้งการหลอกจองที่พัก รวมไปถึงการหลอกขายโปรแกรมทัวร์
ซึ่งทางตำรวจท่องเที่ยว พร้อมที่จะให้การดูแลทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ เพื่อเสริมภาพลักษณ์ที่ดีด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย โดยได้เน้นย้ำประสานความร่วมมือกับตำรวจไซเบอร์ ตำรวจท่องเที่ยว
รวมทั้งสถานประกอบการโรงแรม ในการเฝ้าระวังการก่ออาชญากรรมกับนักท่องเที่ยว รวมทั้งตำรวจท่องเที่ยวเองได้เตรียมแผนในการรองรับการเปิดประเทศฟรีวีซ่าตามนโยบายของรัฐบาล โดยจะเริ่มป้องกันตั้งแต่ ที่ท่าอากาศยานไปจนถึงตามสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั่วประเทศ
ขอขอบคุณข้อมูลจากทางข่าวสดออนไลน์
.......
ประมวลปาฏิหาริย์แห่งเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ (คลิ๊ก)
บารมีเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ รุ่นกรุงธนบุรี คุ้มครองชีวิต (คลิ๊ก)
ประมวลปาฏิหาริย์แห่งเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ (คลิ๊ก)
ปาฏิหาริย์อีกครั้ง เหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ ช่วยชีวิตคุณยายวัย 73 ปี ให้รอดตายอย่างน่าอัศจรรย์ใจ (คลิ๊ก)พระธรรมรัตนดิลก เจ้าอาวาสวัดอรุณ พระผู้สร้างเหรียญพระเจ้าตากชาววัดอรุณ หนึ่งเดียวในตำนานประวัติศาสตร์กรุงธนบุรี (คลิ๊ก)
สแกน QR Code เพื่อการเที่ยวชมความจริงของวัดอรุณราชวรารามแบบจำลองความจริงทั้งพระบถ
QR Code เพื่อการสำรวจความงามของวัดอรุณทั้งพระอาราม.
QR 碼以探索黎明寺的美麗。整個修道院。