ข่าวบุกโรงแรมดัง จับหัวหน้า แก๊งรูดบัตรเครดิต รู้จัก บอสแก๊งคอลเซ็นเตอร์ - kachon.com

บุกโรงแรมดัง จับหัวหน้า แก๊งรูดบัตรเครดิต รู้จัก บอสแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ข่าวประจำวัน

photodune-2043745-college-student-s

วันที่ 20 ม.ค.2567 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., เจ้าหน้าที่สืบนครบาล และชุด PCT5 ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายวรงค์ฤทธิ์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 46 ปี ผู้ต้องหาที่ 1 ตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.420/2566 ลงวันที่ 24 ต.ค. 66

ข้อหา “จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย และเป็นการก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนโดยไม่ได้รับอนุญาติ และพยายามส่งของต้องห้ามออกไปนอกราชอาณาจักรโดยหลีกเลี่ยงข้อจำกัดหรือข้อห้ามอันเกี่ยวกับของนั้น”

บุกรวบคาโรงแรมดังย่านรัชดา หัวหน้า แก๊งรูดบัตรเครดิต เดือนเดียวเกือบ 8 ล้านบาท แฉพฤติกรรม ทำเป็นขบวนการ

บุกรวบคาโรงแรมดังย่านรัชดา หัวหน้า แก๊งรูดบัตรเครดิต เดือนเดียวเกือบ 8 ล้านบาท แฉพฤติกรรม ทำเป็นขบวนการ

น.ส.จิราภา (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 39 ปี ผู้ต้องหาที่ 2 และ น.ส.มนัสนันท์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาที่ 3 โดยทั้งสามคนถูกเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมแจ้งข้อหาว่า “ร่วมกันมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์หรือเมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาไอซ์หรือ เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย”

พร้อมของกลาง 6 รายการ ดังนี้ ยาไอซ์ 3 ถุง จำนวนทั้งสิ้น 4.6 กรัม, เครื่องรูดบัตรเครดิต 4 เครื่อง, สลิปการใช้บัตรเครดิต 30 ใบ, โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง พบข้อมูลการนัดหมายรูดบัตรกับกลุ่มผู้ขโมยบัตรจำนวนมาก, และสมุดจดบันทึก 2 เล่ม (พบข้อมูลผู้ร่วมขบวนการอีกหลายราย ม้วนกระดาษสลิปโอนเงิน 1 ม้วน

โดยจับกุมตัวได้ที่ห้อง 704 โรงแรมชื่อดังย่านรัชดา แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ที่ผ่านมา

สืบนครบาลขยายผลแก๊งล้วงกระเป๋านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติภายในวัดพระแก้ว เมื่อวันที่ 6 ม.ค.67 พบมีการนำบัตรเครดิตที่ลักมาไปรูดใช้งาน ถือว่าเป็นภัยสังคมที่กำลังพัฒนาเป็นขบวนการไม่ใช่แค่ “หัวขโมย” ที่มาขโมยบัตรเครดิตของเหยื่อแล้วแอบนำไปรูดเท่านั้น

แต่พัฒนาโดยวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน แกะรอยจนทราบหัวหน้าขบวนการชื่อ “นายฤทธิ์” ก่อนนำกำลังบุกพังประตูเข้าไปรวบตัวได้ขณะกำลังพยายามลบข้อมูลในโทรศัพท์ พบเครื่องมือรูดบัตรเครดิตและยาเสพติดหลายรายการ และขยายผลพบรังปลวกที่เชื่อมโยงไปถึง “อาเหว่ย” บอสคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน

แก๊งล้วงกระเป๋า ลักบัตรเครดิตของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ กำลังระบาดในสถานที่ท่องเที่ยว โดยขโมยบัตรเครดิตของเหยื่อแล้วแอบนำไปรูดสร้างความเสียหายกับนักท่องเที่ยวที่เดินทางในสถานที่ต่าง ๆ

และเป็นการทำเป็นขบวนการมีการวางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอนตั้งแต่ หามือขโมยบัตร เตรียมสถานที่ เตรียมเครื่องที่จะใช้รูดบัตร โดยในปัจจุบันหลายคดีๆที่เกิดขึ้นในพื้นที่นครบาลพบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุ (มือขโมยบัตร) จะเป็นชาวต่างชาติสัญชาติเวียดนาม จีน

พล.ต.ท.ธิติ สั่งให้สืบนครบาลแกะรอยจากแผนประทุษกรรมจนพบความผิดปกติที่กลุ่มผู้ลงมือก่อเหตุขโมยบัตรเกือบทั้งหมดเป็น ชาวต่างชาติ วิเคราะห์จนสกัดออกมาได้ว่า มีขบวนการที่เป็นคนไทย ที่อยู่เหนือกว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุนี้

จึงสั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช นำกำลังลงพื้นที่สืบสวนโดยแกะรอยจากกลุ่มชาวจีน 3 ราย ที่ลงมือก่อเหตุขโมยบัตรเครดิตภายจากนักท่องเที่ยวภายในวัดพระแก้ว เมื่อวันที่ 6 ม.ค.ที่ผ่านมา พบพยานหลักฐานไปถึงหัวหน้าขบวนการในประเทศไทยคือ นายวรงค์ฤทธิ์

ซึ่งเป็นระดับหัวหน้าทำหน้าที่หาคน หาเครื่องรูดบัตร บ้างนำมาจากบริษัทที่จดทะเบียนขึ้นมาลอย ๆ หรือนำมาจากห้างร้านทองหลาย ๆ แห่ง เพื่อนำมารวมกันไว้ใน เซฟเฮ้าส์ ห้องลับเพื่อใช้คอยรูดบัตรให้กับขบวนการนี้โดยเฉพาะ

และยังสืบทราบว่า นายวรงค์ฤทธิ์ เป็นบุคคลตามหมายจับในข้อหาพยายามส่งออกยาเสพติดไปยังประเทศเกาหลีใต้ แต่จากการสืบสวนแกะรอยหัวหน้าขบวนการรายนี้นับว่าเป็น “งานหิน” ด้วยความเขี้ยวของหัวหน้าขบวนการรายนี้ที่จะตัดตอนมิให้พยานหลักฐานเชื่อมโยงมาถึงตัว

และไปมาอย่างไร้ร่องรอยมาเป็นเวลากว่า 4 ปี ไร้ที่อยู่เป็นหลักแหล่ง คอยตระเวนเปิดโรงแรมนอนและย้ายไปเรื่อย ๆ ในพื้นที่กรุงเทพฯ หลังจากแกะรอยกว่า 1 สัปดาห์จนได้เบาะแสว่าคนร้านรายนี้ได้ปรากฏตัวที่ละแวก ซ.เสือใหญ่ จึงนำกำลังติดตามไปจนพบ เซฟเฮ้าส์ที่ใช้เก็บอุปกรณ์เครื่องรูดบัตรไว้

จนกระทั่ง พล.ต.ต.ธีรเดช นำกำลังเจ้าหน้าที่บุกตรวจสอบห้องพักหมายเลข 704 ของโรงแรมชื่อดังแห่งหนึ่งย่าน ซ.เสือใหญ่ แต่ด้วยเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวของเจ้าพ่อรายนี้ มุดเข้าไปแอบภายในห้องน้ำและพยายามถ่วงเวลาเพื่อลบข้อมูลในโทรศัพท์ของตัวเอง

ชุดสืบสวนพังประตูเข้าไปรวบตัวในห้องน้ำได้ทันควัน และจับกุมหญิงสาวผู้ร่วมขบวนการอีก 2 รายในห้อง ตรวจยึดยาเสพติดและอุปกรณ์ใช้รูดบัตรเครดิตได้หลายรายการ ภายหลังการจับกุม ได้มีการขยายผลจนพบหลักฐานว่าขบวนการนี้ไม่เพียงแต่เป็น “แก๊งขโมยรูดบัตรเครดิต”

หากพบหลักฐานเตรียมฉ้อโกงธนาคารด้วยการวางแผนอย่างเป็นระบบ หาคนโปรโฟล์ดี มีคุณสมบัติไม่ติดเครดิตบูโร และต้องพร้อมโดนฟ้องล้มละลาย โดยจะนำมาตกแต่งบัญชีให้สวยหรู เพื่อตบตาธนาคารให้ยอมปล่อยกู้

แต่หลังจากธนาคารปล่อยกู้แล้วจะใช้วิธี “ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย” สร้างความเสียหายเป็นเงินจำนวนมาก และยังเป็นขบวนการ “สวมตัวตน” ให้กับชาวต่างชาติ โดยทั้งหมดเชื่อมโยงกับ อาเหว่ย บอสคอลเซ็นเตอร์ชาวจีน

จากการสอบสวน นายวรงค์ฤทธิ์ ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่าก่อนเกิดเหตุ ประกอบอาชีพธุรกิจส่วนตัว เปิดโรงแรมย่านราชเทวี และเป็นนายหน้าขายที่ดินในพื้นที่กรุงเทพฯและต่างจังหวัด และเป็นนายหน้าขายรถยนต์มือสองในพื้นที่ กทม.

นายวรงค์ฤทธิ์ ให้การต่อว่า ก่อนจะประสบวิกฤติการณ์การแพร่ระบาดของโควิด เป็นเหตุให้ธุรกิจเจ๊งและปิดตัวลง กระทั่งช่วงปลายเดือน พ.ย.66 มีโอกาสรู้จักกับ อาเหว่ย สัญชาติจีน บอสใหญ่คอลเซ็นเตอร์ โดยอาเหว่ยให้ตนเป็นคนประสาน ติดต่อ และจัดหาเครื่องรูดบัตรเครดิตจากร้านค้าทั่วไปให้แก่อาเหว่ย

นายวรงค์ฤทธิ์ ให้การอีกว่า ซึ่งมีเพื่อนซึ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่เดินทางมาเที่ยวในไทย อยากจะเปลี่ยนวงเงินในบัตรเครดิตที่ถืออยู่ให้เป็นเงินสด โดยผ่านจากเครื่องรูดบัตร เพื่อใช้สอยในระหว่างที่เดินทางมาเที่ยวในประเทศไทย

นายวรงค์ฤทธิ์ ให้การด้วยว่า โดยอาเหว่ยตกลงจะให้ค่าตอบแทนร้อยละ 25-30 ของจำนวนเงินที่สามารถกดได้จากบัตร ตนจึงไปติดต่อพรรคพวกที่รู้จัก ซึ่งเป็นโรงแรม ร้านค้า ร้านประกอบการค้า ที่สามารถนำเครื่องรูดบัตรมาให้ได้

ขอนำเครื่องรูดบัตรเครดิต มารูดเป็นสินค้าและบริหารของทางร้านภายในวงเงินที่รูดได้ จากนั้นจึงจะทำการเจรจาและตกลงกับเจ้าของร้านค้าและบริการ ดำเนินการคิดและหักค่าดำเนินการในการอนุญาตนำเครื่องรูดบัตรออกมาใช้โดยผิดรูปแบบและวัตถุประสงค์เป็นร้อยละ 25-30

โดยที่ผู้ต้องหาจะได้รับค่าตอบแทนประมาณร้อยละ 5-10 ของวงเงินที่สามารถรูดบัตรได้ จนกระทั่งพรรคหลังเริ่มทราบว่าแท้จริงเป็นขบวนการที่นำบัตรเครดิตมาจากการขโมย โดยรวมทั้งหมดแล้วไม่น้อยกว่า 20 ครั้ง คิดเป็นมูลค่าความเสียหายประมาณ 1,600,000-3,000,000 บาท

หลังจับกุมตัวได้นำตัว นายวรงค์ฤทธิ์ ผู้ร่วมขบวนการอีก 2 คน พร้อมของกลางยาเสพติด นำส่งพนักงานสอบสวน สน.พหลโยธิน ส่วนของกลางจำพวกเครื่องรูดบัตร และอื่น ๆ ได้นำส่งพนักงานสอบสวน สน.พระราชวัง เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายและขยายผลต่อไป

 

ขอขอบคุณข้อมูลจากทางข่าวสดออนไลน์

.......

ศาลาอรุณนราภิรมย์ ศูนยฺ์ร่วมบุญสั่งจองบูชา เหรียญพระเจ้าตากสินมหาราช รุ่นมหาเศรษฐี วัดอรุณราชวราราม(คลิ๊ก)

เนื้อทองแดงหน้าเงินลงยา ขนาด 3.5 เซนติเมตร เหรียญพระเจ้าตากสินมหาราช รุ่นมหาเศรษฐี รายได้สมทบกองทุนการศึกษาสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช วัดอรุณราชวราราม(คลิ๊ก)

สุดยอดมวลสารในพระผงสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช รุ่นมหาเศรษฐี เนื้อผงพุทธคุณ 108 ชนิดฝังตะกรุดทองคำ 1 คู่ และแบบฝังตะกรุดเงิน 1 คู่(คลิ๊ก)

ชุดกรรมการ จัดรวม 100 ชุด (หมายเลขเดียวกัน) เหรียญพระเจ้าตากสินมหาราช รุ่นมหาเศรษฐี วัดอรุณราชวราราม(คลิ๊ก)

เหตุผลหลักสำคัญในการในการจัดสร้างวัตถุมงคลพญายักษ์วัดแจ้ง รุ่นมหาบารมี เพื่อร่วมบุญสมทบทุนโครงการบูรณะปฏิสังขรณ์ถนนโบราณและปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคภายในวัดอรุณราชวราราม (คลิ๊ก)

ผงพุทธคุณมหาบารมี เศรษฐีพันล้าน สุดยอดมวลสารแห่งยุคที่บรรจุใต้ฐาน รูปหล่อพญายักษ์วัดแจ้ง รุ่นมหาบารมี ขนาด 4 นิ้ว และขนาด 1.5 นิ้ว เนื้อทองคำ เนื้อเงิน เนื้อนวะแก่เงิน (คลิ๊ก)

ประมวลปาฏิหาริย์แห่งเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ (คลิ๊ก)

บารมีเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ รุ่นกรุงธนบุรี เนื้อทองแดงลงยา ลายธงชาติ ช่วยชีวิตหนุ่มใหญ่ให้รอดตายจากเหตุรถพลิกคว่ำหลายตลบพุ่งชนเสาบอกทาง (คลิ๊ก)

บารมีเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ รุ่นกรุงธนบุรี คุ้มครองชีวิต (คลิ๊ก)