รวบ เจน-ยวน คู่ขาล้วงกระเป๋า ก่อเหตุ 100 ครั้ง เผยเรียนวิชาชั้นเซียนจากนักล้วงเวียดนาม
ข่าวประจำวัน
วันที่ 27 ก.ย.2566 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. , พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. พ.ต.อ.วิชิต ถิรขจรวงศ์ ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. พ.ต.ท.พัฒน์พงษ์ กื้อมะโน สว.กก.สส.1 บก.สส.บช.น. และเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนครบาล (บก.สส.บช.น.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตม.จว.สมุทรปราการ และเหล่านักเรียนอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 113
จับกุม นายบุญ หรือเจน (สงวนนามสกุล) อายุ 43 ปี สัญชาติกัมพูชา ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ 903/2566 ลงวันที่ 26 ก.ย. 2566 ข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ฯ(ล้วงกระเป๋า)” นายจัน หรือยวน (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี สัญชาติกัมพูชา ข้อหา“เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต”
พร้อมตรวจยึดของกลาง เสื้อผ้าและอุปกรณ์ที่ผู้ถูกจับใช้ในการก่อเหตุ 1.ชุด 2.เงินสด 30,000 บาท แหวน ลักษณะคล้ายทองคำ 1 วง พระเครื่องพร้อมกรอบ ลักษณะคล้ายทองทำ 1 องค์ สร้อยคำ ลักษณะคล้ายทองคำ 1 เส้น และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง และ 7. ของกลางอื่นๆ อาทิ สมุดบัญชีธนาคารต่างๆ จำนวน 3 เล่ม , ตั๋วจำนำทอง 5 ใบ และรายการอื่นๆ รวม 22 รายการโดยจับกุมตัวได้ที่บริเวณหน้าห้างอิมพีเรียล สาขาสำโรง ต.สำโรงเหนือ อ.เมืองสมุทรปราการ จ.สมุทรปราการ เมื่อวันที่ 26 ก.ย.ที่ผ่านมา
สืบเนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากประชาชนและนักท่องเที่ยวผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน ว่าเมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2566 ได้มีกลุ่มแก๊งมิจฉาชีพออกตระเวนล้วงกระเป๋าเอาทรัพย์สินพนักงานและนักท่องเที่ยวจำนวนหลายราย ในพื้นที่ สน.ทุ่งมหาเมฆ จึงสั่งการให้ พ.ต.อ.วิชิต ทำการสืบสวน จนทราบแผนประทุษกรรมของแก๊งนี้
ประกอบด้วยสมาชิกเป็นชาวกัมพูชาประมาณ 4-5 คน ซึ่งพักอาศัยในอพาร์ตเมนต์ย่านสำโรง-เทพารักษ์ จะออกตระเวนก่อเหตุล้วงกระเป๋าเป็นอาชีพตามแหล่งชุมชนที่มีนักท่องเที่ยวและผู้คนสัญจรพลุกพล่าน โดยมักจะรวมตัวบริเวณห้างดังย่านสำโรง หรือ สี่แยกบางนา แล้วเดินทางโดยใช้รถสาธารณะ เข้าพื้นที่เป้าหมาย
บางจุดมีระยะทางกว่า 30 กิโลเมตร ในย่านธุรกิจสำคัญๆ สับเปลี่ยน หมุนเวียน วันเว้นวัน ไม่ซ้ำเวลา ทั้งในช่วงเช้า (ตั้งแต่ 06.00 น.) จนถึงช่วงค่ำ (24.00 น.) ในย่านสำคัญ อาทิ ย่านสุขุมวิท ซอยนานา , สีลม , สาธร , ตลาดประตูน้ำ , สี่แยกเกษตร ตลอดเส้นจนถึง เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน
มักจะเลือกเหยื่อทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ โดยเน้นสัญชาติ ญี่ปุ่น เกาหลี และสัญชาติจีน เป็นหลัก ไม่เว้นแม้กระทั่งชายและหญิง ที่มีการสะพายกระเป๋าเป้ไว้ทางด้านหลัง ซึ่งวิธีการก่อเหตุของกลุ่มนี้ จะทำงานกันเป็นทีมอย่างน้อย 2 คน จะลงพื้นที่เดินไปมาโดยรอบและติดตามหาเหยื่อ เมื่อพบเป้าหมายก็จะมีการแบ่งหน้าที่กันทำแบบชัดเจน
โดยคนหนึ่งจะทำหน้าที่ติดตามสังเกตการณ์ตรวจตราพื้นที่โดยรอบเพื่อรอจังหวะที่จะออกคำสั่งผ่านการโทรศัพท์ในรูปแบบหูฟังไร้สาย (Bluetooth) ไปยังอีกคนหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้เคียงเข้าเดินตามติดผู้เสียหายและเมื่อสบโอกาส คนร้ายจะทำการล้วงกระเป๋าโดยการเปิดซิปเป้สะพายหลังก่อนล้วงเอาทรัพย์สิน โดยอีกคนจะทำหน้าที่เดินบังเพื่อมิให้คนอื่นเห็นเหตุพฤติกรรมการก่อเหตุ เมื่อได้ทรัพย์ทั้งคู่จะเดินฉีกออกก่อนจะขึ้นรถโดยสารสาธารณะหลบหนี แล้วนัดกันแบ่งทรัพย์สินที่ได้มา
จากการตรวจสอบประวัติการต้องโทษพบว่า นายบุญ หรือเจน ผู้ถูกจับเคยต้องโทษในลักษณะเดียวกันในฐานความผิด “ลักทรัพย์” เมื่อปี พ.ศ.2561 ที่ผ่านมา
ในชั้นจับกุม นายบุญ และนายจัน ให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “เมื่อประมาณต้นปี พ.ศ.2566 ผู้ถูกจับทั้งสองได้ลักลอบเข้าประเทศไทย ผ่านช่องทางธรรมชาติในพื้นที่ จ.สระแก้ว โดยเมื่อเข้ามาในประเทศไทย โดยไม่มีงานทำเป็นหลักแหล่ง และผู้ถูกจับทั้งสองได้รู้จักกัน คบหา และมีความสนิทสนมกันประมาณ 5 เดือน
จึงชักชวนเพื่อนๆที่รู้จัก รวมตัวกันศึกษา เรียนรู้ และวางแผน โดยมีเพื่อนแก๊งนักล้วงกระเป๋าชาวเวียดนาม คอยให้คำปรึกษาและสอนเทคนิควิธีการล้วงกระเป๋าระดับเซียนให้กลุ่มแก๊งนักล้วงกระเป๋าดังกล่าวจนช่ำชอง และเดินทางเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่แหล่งชุมชนดังกล่าวที่มีนักท่องเที่ยวและผู้คนสัญจรและชุมนุมอยู่เป็นจำนวนมาก เมื่อได้ทรัพย์สินที่ลักมาได้ จะโอนเงิน หรือ ซื้อเป็นทองคำรูปพรรณ ส่งกลับไปให้ภูมิลำเนาบ้าน ณ ประเทศเพื่อนบ้าน
จากการสอบสวนผู้ต้องหาทั้งสองรับว่า กลุ่มของตนได้ออกตระเวนล้วงกระเป๋าในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ไม่เว้นแต่ละวัน โดยบางวันสามารถล้วงกระเป๋าผู้เสียหายได้มากถึง 3-4 รายรวมจำนวนการก่อเหตุมากกว่า 100 ครั้ง หลังการจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนนครบาล จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบของ สน.ทุ่งมหาเมฆ และ สภ.สำโรงเหนือ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อไป
พล.ต.ต.ธีรเดชกล่าวว่า จากการจับกุมแก๊งล้วงกระเป๋าในครั้งนี้ สืบนครบาล IDMB จะทำการสืบสวนขยายจับกุมเครือข่ายแก๊งมิจฉาชีพที่มีพฤติกรรมในลักษณะแบบเดียวกันอย่างต่อเนื่องและจริงจัง เนื่องจาก จากการสืบสวนพฤติกรรมของกลุ่มมิจฉาชีพเหล่านี้ จะสั่งการและทำงานกันเป็นทีม มีการแบ่งหน้าที่กันชัดเจน เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้เท่าทัน
ซึ่งอาชญากรรมดังกล่าวนี้ เป็นอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในสังคม รวมถึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ที่เข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งในเวลาอันใกล้นี้ ประเทศไทยจะเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยวทั่วโลก
จึงเป็นภารกิจจำเป็นและเร่งด่วนอย่างยิ่งในการส่งเสริมและสร้างภาพลักษณ์อันดีต่อท่องเที่ยวในการสร้างความรู้สึกปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนและชาวต่างชาติเป็นสำคัญ โดยทาง สืบนครบาล จะเร่งดำเนินขยายผลติดตามจับกุมให้ได้ทั้งขบวนการ ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. และ
ขอฝากเตือนไปยังผู้ประชาชนซึ่งเดินทางโดยการสัญจรอยู่บนฟุตปาธต่างๆ อยู่เป็นประจำ ให้เดินทางโดยใช้ความระมัดระวัง เก็บสิ่งของมีค่าให้มิดชิด เพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สินของท่าน จึงขอประชาสัมพันธ์ถึงผู้ที่เคยตกเป็นเหยื่อคนร้ายรายนี้ ให้แจ้งมาที่เฟซบุ๊กเพจ “สืบนครบาล IDMB” จะมีเจ้าหน้าที่ประสานงานตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งจะปกปิดข้อมูลของเหยื่อเป็นความลับ
ขอขอบคุณข้อมูลจากทางข่าวสดออนไลน์
.......
ประมวลปาฏิหาริย์แห่งเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ (คลิ๊ก)
บารมีเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ รุ่นกรุงธนบุรี คุ้มครองชีวิต (คลิ๊ก)
ประมวลปาฏิหาริย์แห่งเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ (คลิ๊ก)
ปาฏิหาริย์อีกครั้ง เหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ ช่วยชีวิตคุณยายวัย 73 ปี ให้รอดตายอย่างน่าอัศจรรย์ใจ (คลิ๊ก)พระธรรมรัตนดิลก เจ้าอาวาสวัดอรุณ พระผู้สร้างเหรียญพระเจ้าตากชาววัดอรุณ หนึ่งเดียวในตำนานประวัติศาสตร์กรุงธนบุรี (คลิ๊ก)
สแกน QR Code เพื่อการเที่ยวชมความจริงของวัดอรุณราชวรารามแบบจำลองความจริงทั้งพระบถ
QR Code เพื่อการสำรวจความงามของวัดอรุณทั้งพระอาราม.
QR 碼以探索黎明寺的美麗。整個修道院。