ข่าวพ่อจุกอก! ลูกวัย17 ถูกอริยิงอกดับ ชายต้องสงสัยปากแข็ง ยายเศร้าหลานยังไม่ทันใช้เงินที่มาขอ - kachon.com

กรณี นายพีรพัฒน์ อายุ 17 ปี หรือ “พี” ถูกคู่อริวัยรุ่นต่างหมู่บ้าน ใช้อาวุธปืนยิงที่หน้าอก 1 นัด เหตุเกิดหน้าอบต.เขือน้ำ ต.เขือน้ำ อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี หน่วยกู้ชีพอบต.เขือน้ำ นำส่งรพ.บ้านผือ แต่ผู้ตายทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิต เหตุเกิดเมื่อคืนวันที่ 30 ส.ค.ที่ผ่านมา สาเหตุคาดว่าผู้ตายจะไปเที่ยวงานบุญหมอลำกับเพื่อน แต่บังเอิญไปเจอวัยรุ่นที่เป็นคู่อริกันมาก่อน โดยตร.สภ.บ้านเทื่อม ส่งตร.ชุดสืบสวนล่าตัวนายแป๊บ ที่คาดว่าจะเป็นก่อเหตุแล้ว แต่ยังหลบหนีอยู่

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 31 ส.ค.66 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังวัดป่าช้าบ้านเทื่อม ต.บ้านเทื่อม อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งบำเพ็ญกุศลศพของผู้เสียชีวิต โดยพบว่ามีญาติและชาวบ้าน ต่างพากันเตรียมงานศพ ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจของญาติๆ และมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันหนาหูว่า ตำรวจจับคนร้ายได้แล้ว แต่ทำไมปล่อยไป

นายจรูญ แสงประเสริฐ อายุ 65 ปี คุณตา กล่าวว่า หลานคนนี้ตนเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก เพราะพ่อแม่ก็แยกทางกัน นิสัยของหลานนั้นเป็นคนช่วยงานตากับยาย แต่หากอยากไปเที่ยวแล้ว ห้ามก็ไม่ฟัง ตนเคยเตือนหลานว่า อย่าห้าวให้มาก เดี๋ยวจะไม่โต หลานก็บอกว่าไม่เป็นไร หลังๆมาหลานเริ่มมีพฤติกรรมติดเพื่อนและเปลี่ยนไป

“ส่วนตัวคิดว่า สาเหตุในการเสียชีวิตนั้น หลานชายอาจไปมีเรื่องกับวัยรุ่นรายอื่นมา เรื่องอะไรนั้นผมก็ไม่รู้ และหลานก็ไม่เคยบอก หลังได้รับแจ้งว่าหลานถูกยิง ก็รีบออกมาดู พบว่าเจ้าหน้าที่กู้ชีพกำลังปั๊มหัวใจและนำตัวส่งโรงพยาบาล โดยไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล

ส่วนตัวรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คนก่อเหตุก็ทำเกินไป จะยิงตักเตือนก็ไม่ได้ ผมรู้ว่าคนยิงเป็นชาวบ้านวัยรุ่นไทยบ้านน้อยชื่อแป๊บ เท่าที่รู้ตำรวจสามารถจับกุมคนก่อเหตุได้แล้ว แต่ทำไมถึงปล่อยไป ทั้งที่พยานก็มี แม้จะเป็นผู้ต้องสงสัยก็ตาม” นายจรูญ กล่าว

นางประจญ แสงประเสริฐ อายุ 63 ปี ยายของผู้เสียชีวิต เปิดเผยว่า ก่อนหลานจะเสียชีวิตเมื่อวานนี้หลานมาขอเงิน 140 บาท เพื่อไปเที่ยวงานวัดใกล้บ้าน ตนก็ให้เงินไป ตอนนี้สงสารหลานและคิดสงสาร เงินที่ให้ไป หลานยังไม่ทันได้ใช้ ก็มาเสียชีวิตก่อน

ซึ่งแพทย์เวรนำเงินที่เหลือ 120 บาท ที่ให้หลานไปมาคืน หลานคนนี้รักมาก หลานขอเงินกี่บาทก็ให้ เพราะว่าขยันช่วยงาน เวลาถึงยามทำนาก็ออกมาช่วยยาตากับยายทำนา เคยไปสมัครงานที่ร้านค้าแล้ว แต่เขายังไม่รับ เพราะว่าอายุยังไม่ถึง สวนงานพิธีฌาปนากิจนั้น ขอให้แม่ที่กำลังเดินทางมาจากสงขลามาถึงก่อน พูดคุยก่อนว่าจะเผาวันไหน

ด้าน นายปายมนัส อายุ 56 ปี พ่อน้องพี เดินทางมาจาก จ.ร้อยเอ็ด เพื่อร่วมงานศพลูกชายและติดตามคดี จุดธูปบอกลูกชายให้ไปสู่สุขคติ ส่วนผู้ที่ก่อเหตุให้เป็นไปตามกฎหมายบ้านเมือง และเป็นไปตามกรรม

นายปายมนัส เล่าว่า แยกทางกับแม่น้องพีตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งยายจะเป็นคนเลี้ยงน้องพี น้องพีจะเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย ไม่ได้เกเร ช่วยงานยายทุกอย่าง เคยได้ยินได้เห็นแต่ในข่าว ไม่คิดว่าจะมาเกิดกับลูกชายตัวเอง ก็รู้สึกจุกอก ลูกชายเป็นวัยรุ่นที่ติดเพื่อน รักเพื่อน ก็เข้าใจลูก เพราะเคยผ่านช่วงวัยรุ่นเหมือนกัน เท่าที่ทราบจากญาติ คนที่ยิงน้องพีเคยมีเรื่องกันมาก่อนในงานบุญบั้งไฟ

“ฝากถึงผู้ที่ยิง ถ้ามีความเป็นผู้ใหญ่ มายิงเด็กอายุ 17 ปี ถ้าตีต่อยกันดีกว่าจะมายิง ซึ่งกว่าตายายจะเลี้ยงมาจนโต ทุกคนเสียใจ ถ้าเกิดกับคนมายิงจะรู้สึกอย่างไร และฝากถึงตำรวจให้จับตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีจนถึงที่สุด” นายปายมนัส กล่าว

ส่วนที่สภ.บ้านเทื่อม อ.บ้านผือ จ.อุดรธานี ตำรวจเร่งตรวจภาพวงจรปิด ตามเส้นทางที่คนร้ายขี่จักรยานยนต์ผ่าน เพื่อหาหลักฐานติดตามผู้ก่อเหตุ ซึ่งตำรวจเปิดเผยว่า กลุ่มผู้เสียชีวิตต่างยืนยันว่า คนร้ายที่ดักยิงคือนายแป๊บ ซึ่งเป็นคู่อริ มีเรื่องชกต่อยทะเลาะวิวาทกันที่งานบุญบั้งไฟเมื่อปีก่อน

ตำรวจเชิญตัวนายแป๊บ ซึ่งทำงานอยู่โรงน้ำตาล มาสอบสวนปากคำ ซึ่งนายแป๊บให้การปฎิเสธ โดยมีหลักฐานเป็นการแสกนนิ้วมือเข้าทำงานเวลา 19.00 น. โดยมีเพื่อนร่วมงานเป็นพยานว่า ขณะเกิดเหตุนายแป๊บทำงานอยู่ในโรงงานน้ำตาล จึงประสานตำรวจพิสูจน์หลักฐาน มาตรวจหาเขม่าดินปืนที่มือเพื่อส่งตรวจ

นายริน นามสมมติ อายุ 16 ปี เพื่อนน้องพี เล่าว่า ตนมีบ้านอยู่ติดกับน้องพีผู้ตาย เสียใจที่เพื่อนโดนยิง และเพื่อนทุกคนก็เสียใจ ซึ่งผู้ตายเป็นคนไม่ค่อยพูด ทำงานช่วยยายตลอด ซึ่งยายขายขนมในตลาด คืนเกิดเหตุตนไม่ได้ไปกับกลุ่มเพื่อน พอรู้ว่าน้องพีถูกยิงก็รีบออกมาดู

ตนมีความรู้สึกว่าไม่แฟร์ มาดักยิงน้องพีจนเสียชีวิต ถ้าเป็นการชกต่อยกันแบบหมัดต่อหมัด ตนจะไม่ว่าเลย แต่ใช้อาวุธจนเสียชีวิต ถึงแม้ว่าจะออกมายืนยันไม่ได้ยิง ตนก็ยังคิดว่าเป็นผู้ต้องสงสัยคนแรก เพราะเพื่อนทุกคนในกลุ่มเห็นหน้า และจำได้ อยากให้คนก่อเหตุออกมายอมรับและสารภาพ