บุกถึงวิลล่าหรู จับผัวเมียเจ้าของเว็บค้ากาม ฟีดขึ้นอันดับ 1 ในไทย ยึดทรัพย์ 40 ล้าน
ข่าวประจำวัน
ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในการป้องกันปัญหาอาชญากรรมออนไลน์และการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาเพื่อท่องเที่ยวในประเทศไทย และนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร.และ พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศปอส.ตร. มีนโยบายให้หน่วยงานตำรวจเน้นแก้ปัญหาเร่งด่วนในป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์
ทั้งนี้มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมายก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นลักษณะการกระทำผิดเข้าข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ หรือทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ
เมื่อวันที่ 18 ส.ค.66 ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) ร่วมกับ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม. หน.ชุดปฏิบัติการที่ 1 PCT, พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.สุรศักดิ์ สุรินทร์แก้ว รอง ผบก.ศท.ตม.ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม.,
พ.ต.อ.สรธรรศจ์ เอี่ยมละออ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม.,พ.ต.อ.สุรกิจ อินอ่ำ ผกก.สภ.ห้วยใหญ่ จว.ชลบุรี, พ.ต.ท.ภารกร นภาโชติ รอง ผกก.3 บก.ปอศ., พ.ต.ท.วิศรุต ละเอียดอ่อง รอง ผกก.สส.บก.ตม.3 ,พ.ต.ท.รุตินันท์ สัตยาชัย สว.กก.4 บก.ปอศ.,พ.ต.ต.สุริโย ไชยยอด สว.กก.สส.บก.ตม.3 และ พ.ต.ต.จตุรโชค เพชรคง สว.กก.สส. บก.ตม.3 ร่วมแถลงข่าวการจับกุมคดีที่น่าสนใจดังนี้
1.“PCT 1 ผนึกกำลัง สืบ สตม. เปิดปฏิบัติการค้นยึดทรัพย์ จับถึงรัง เจ้าของเว็บไซต์ขายบริการต่างชาติ ฟีดขึ้นอันดับ 1 ในไทย” ด้วยคณะทำงานชุดปฏิบัติการที่ 1 PCT และ บก.สส.สตม. ร่วมกันวิเคราะห์ข้อมูลการก่ออาชญากรรมกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมเป็นบุคคลไม่พึงประสงค์ พบว่าการก่อเหตุประสงค์ต่อทรัพย์ ในชาวต่างชาติหลายครั้งเกิดจากหญิงขายบริการ โดยจะหลอกล่อหลายรูปแบบไม่ว่าเป็นมอมเหล้า หรือใช้สารเสพติดทำให้มึนเมาแล้วลวงเอาทรัพย์นักท่องเที่ยวต่างชาติไป สร้างชื่อเสียงภาพลบให้กับประเทศไทยเป็นอย่างมาก
ซึ่ง PCT1 ตรวจพบว่าช่องทางการขายบริการจะมีเว็บไซต์ Escort ขายบริการซึ่งจะเป็นผู้หญิงคนไทย เว็บไซต์นี้มีลักษณะเสนอค้าบริการทางเพศอย่างเปิดเผยและท้าทายกฎหมาย โดยพบว่าเว็บไซต์สาว Escort ที่ขึ้น Feed อันดับ 1 จากการค้นหาโดย google ของไทยในขณะนั้น คือเว็บไซต์ www.absolute-angels-bangkok.com มีพฤติการณ์น่าเชื่อว่าชาวต่างชาติเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเว็บไซต์รายนี้ จึงสืบสวนหาข้อมูลโดยทันที
จากการสืบสวนพบว่าเว็บไซต์ www.absolute-angels-bangkok.com เฉพาะในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เข้าชมจำนวนมากถึง 429,500 ครั้ง มีข้อมูลหญิงที่พร้อมให้บริการร่วม 80 คน ครอบคลุมแหล่งท่องเที่ยวของไทย ไม่ว่าเป็นกรุงเทพฯ พัทยา ภูเก็ต เชียงใหม่ และ หัวหิน ซึ่งมีข้อมูลภาษาต่างประเทศว่า มีบริการหลากหลายประเภทชัดเจนในการค้าประเวณี จึงสืบสวนต่อไปเพื่อหาเครือข่ายผู้เป็นตัวการก็พบว่าแบ่งหน้าที่กันทำ
โดยพบว่ามี นางกันยา (นามสมมติ) อายุ 34 ปี สัญชาติไทย ทำหน้าที่เป็นแอดมินรับจอง และคอยโทรประสานงานนัดหมายลูกค้า โดยมี นาย Brad (นามสมมติ) อายุ 48 ปี สัญชาติอเมริกัน สามีนางกันยา มีส่วนคอยให้การช่วยเหลือเรื่องเว็บไซต์ จึงร้องทุกข์และสืบสวนหาพยานหลักฐาน ความเชื่อมโยง
จนกระทั่งศาลจังหวัดพัทยา อนุมัติหมายจับ ที่ 417/2566 ลงวันที่ 10 ส.ค.2566 ฐานความผิด “เพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิง แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม, ช่วยเหลือ ให้ความสะดวก หรือคุ้มครองการค้าประเวณีของผู้อื่น,
รับประโยชน์ไม่ว่ารูปแบบใดจากการค้าประเวณีของผู้อื่นหรือจากผู้ซึ่งค้าประเวณี และจัดให้มีการค้าประเวณีระหว่างผู้ซึ่งค้าประเวณีกับผู้ใช้บริการ, โฆษณาไปยังสาธารณะที่เห็นได้ว่าเป็นการเรียกร้องหรือการติดต่อเพื่อการค้าประเวณีของตนเองหรือผู้อื่น, และเข้าติดต่อ ซักชวน แนะนำตัว ติดตาม หรือรบเร้าบุคคลตามถนนหรือสาธารณสถาน หรือกระทำการดังกล่าวในที่อื่นใด เพื่อการค้าประเวณีอันเป็นการเปิดเผยและน่าอับอาย หรือเป็นที่เดือดร้อนรำคาญแก่สาธารณชน”
ให้จับกุม นางกันยา และนาย Brad ตามลำดับ ต่อมาสืบสวนพบว่าคนร้ายทั้ง 2 พักอาศัยอยู่ในบ้านพูลวิลล่าหรูใน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และพบว่านางกันยายังอยู่ต่างประเทศขณะออกหมายจับ จึงวางแผนการตรวจค้นและจับกุม โดยสามารถจับกุมตัวนางกันยา พร้อมหลักฐาน มือถือ iPhone ของกลาง ซึ่งใช้ทำงาน จับกุมที่สนามบินสุวรรณภูมิขาเข้า เมื่อวันที่ 13 ส.ค.2566 เวลา 05.00 น.
และอีกส่วนนำหมายค้นของศาลจังหวัดหัวหิน ที่ 283/2566 ลงวันที่ 11 ส.ค.2566 เข้าตรวจค้นบ้านพูลวิวล่า ซึ่งเป็นที่พักอาศัยของคนร้าย ใน อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในวันที่ 13 ส.ค.2566 เวลา 06.00 น. ผลการตรวจค้นสามารถจับกุม นาย Brad และพบของกลางรายการสำคัญได้แก่
1.เครื่องคอมพิวเตอร์ จำนวน 4 เครื่อง 2.สมุดบัญชีรายการรับจ่ายนับตั้งแต่ปี 2014 3.เอกสารธุรกรรมทางการเงิน รวมของกลางอื่นๆ จำนวน 13 รายการ
ทรัพย์สินที่จะต้องตรวจยึดตามมาตรการปราบปรามการฟอกเงิน รายการสำคัญได้แก่ 1.บ้านพักพูลวิลล่า ราคาประมาณ 15 ล้านบาท 2.รถยนต์ Mercedes Benz C200 Coupe มูลค่าประมาณ 3.5 ล้านบาท 3.รถยนต์ Honda CRV มูลค่าประมาณ 1.8 ล้านบาท 4.เงินในบัญชี จำนวน 14 บัญชี รวมประมาณ 9 ล้านบาท 5.หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทย อยู่ระหว่างตรวจสอบ รวมมูลค่าโดยประมาณการกว่า 40 ล้านบาท ทั้งนี้ยังพบว่ามีทรัพย์สินจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นที่ดินและทรัพย์สินอื่นอยู่ในต่างประเทศอีกจำนวนหนึ่ง
นางกันยา ผู้ต้องหา รับสารภาพว่า เว็บไซต์นี้ดำเนินการมากว่า 10 ปี โดยช่วงแรกนั้นทำอยู่ในต่างประเทศ แต่พักย้ายกลับเข้ามาอยู่ในประเทศไทย โดยนางกันยาจะทำงานเป็นแอดมิน โดยมีชาวต่างชาติช่วยเหลือในการบริหารจัดการเว็บไซต์ www.absolute-angels-bangkok.com ค่าบริการนั้นจะมีอยู่หลากหลายรูปแบบและหลายเรทราคา โดยแพลตฟอร์มเว็บไซต์ ได้รับส่วนแบ่ง 40% จากการรับงาน
คณะทำงานสืบสวนมีข้อมูลว่าในการปฏิบัติการครั้งนี้เชื่อว่าคนร้ายเหล่านี้ น่าจะมีเครือข่ายช่วยเหลืออยู่ในต่างประเทศด้วย โดยของกลางที่ตรวจยึดมีการกล่าวอ้างว่าเป็นคอมพิวเตอร์ของรัฐบาลสหรัฐ ในส่วนของทรัพย์สินของคนร้ายที่จะต้องดำเนินการตามมาตรการปราบปรามการฟอกเงินเอง ก็พบว่ามีอยู่ในต่างประเทศอีกด้วย ซึ่งจะได้มีการดำเนินการสืบสวนและประสานความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงและดำเนินการสืบสวนปราบปรามต่อไป
2.รวบหนุ่มแดนโสม เปิดเว็บไซต์เป็นนายหน้าจัดหาหญิงไทยค้ากามแดนโสม พบเงินหมุนเวียนเกินกว่า 100 ล้านบาท สตม. ได้รับการประสานจากเจ้าหน้าที่ตำรวจประสานงาน สาธารณรัฐเกาหลี ประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรณีผู้ต้องหารายสำคัญ คือ นายจินหอง นามสมมติ อายุ 41 ปี สัญชาติเกาหลีใต้ บุคคลตามหมายจับตำรวจสากล
ซึ่งก่ออาชญากรรมเป็นขบวนการจัดหาหญิงไทยเพื่อค้าประเวณีในประเทศเกาหลีใต้ โดยจะทำการเปิดเว็บไซต์ หาลูกค้าที่ต้องการซื้อบริการ จากนั้นจะส่งที่อยู่เลขห้องให้กับลูกค้าที่ต้องการซื้อบริการและจัดเตรียมห้องพักให้หญิงไทย เพื่อขายบริการ พบเงินหมุนเวียนกว่า 100 ล้านบาท
จากการตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่านายจินหองเดินทางเข้ามาในประเทศไทย ด้วยวีซ่าท่องเที่ยว และการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด เนื่องจากพิจารณาเห็นว่าเป็นบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับ มีพฤติการณ์ที่สมควรเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ผบก.สส.สตม. จึงอนุมัติให้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนายจินหอง และสั่งการให้ กก.4 บก.สส.สตม. สืบสวนติดตามตัวนายจินหอง เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
จนทราบว่านายจินหองหลบซ่อนอยู่ในบ้านแห่งหนึ่งพื้นที่ จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้ติดตามเฝ้าดู จนพบบุคคลลักษณะคล้าย นายจินหอง จึงแสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและขอตรวจสอบหนังสือเดินทาง พบว่าเป็นบุคคลคนเดียวกัน จึงแจ้งการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทย ให้นายจินหองทราบ
จากนั้นนายจินหองพาเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมตรวจสอบบ้านพักที่ต้องสงสัย ผลการตรวจสอบพบอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ที่มีข้อความแชทคุยกับลูกค้าและกลุ่มหญิงไทยที่ค้าประเวณี และพบสมุดบัญชีจำนวนหลายรายการ จึงตรวจยึดและนำตัวนายจินหองส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
3.รวบหนุ่มไต้หวัน ราชาฟอกเงินเครือข่ายแก๊ง call center และแก๊งพนันออนไลน์ ฟอกเงินเกินกว่า 2 หมื่นล้านบาท สตม. ได้รับประสานงานจากสำนักงานวัฒนธรรมเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเปประจำประเทศไทย กรณีผู้ต้องหารายสำคัญ คือ นายกัว นามสมมติ อายุ 39 ปี สัญชาติไต้หวัน ซึ่งก่ออาชญากรรมเป็นหัวหน้ากลุ่ม ฟอกเงินให้กับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และแก๊งพนันออนไลน์
โดยนายกัวเปิดบริษัทในหลายประเทศเพื่อฟอกเงินให้กับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ตั้งอยู่ในประเทศกัมพูชา และแก๊งพนันออนไลน์ที่ตั้งอยู่ในประเทศแถบเอเชียและยุโรป มีมูลค่าการฟอกเงินเกินกว่า 2 หมื่นล้านบาท
ซึ่งกลุ่มฟอกเงินของนายกัวมีสมาชิกจำนวนกว่า 16 ราย ปัจจุบันสามารถตามจับผู้ต้องหาได้ครบทุกรายจากการตรวจสอบข้อมูลในระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ ตม. พบว่า นายกัวได้เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ด้วยวีซ่าไทยแลนด์ อีลิท และการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรยังไม่สิ้นสุด
เนื่องจากพิจารณาเห็นว่าเป็นบุคคลซึ่งเจ้าหน้าที่รัฐบาลต่างประเทศได้ออกหมายจับ มีพฤติการณ์ที่สมควรเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ผบก.สส.สตม. จึงอนุมัติให้เพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรของนายกัว และสั่งการให้ กก.4 บก.สส.สตม. สืบสวนติดตามตัวนายกัวเพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
จนทราบว่านายกัวหลบซ่อนอยู่ในคอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านคลองสาน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงได้ขอหมายค้นต่อศาลอาญาธนบุรี และเข้าค้นคอนโดต้องสงสัย จากการตรวจค้นพบ นายกัว จึงขอตรวจสอบหนังสือเดินทางพบว่าเป็นบุคคลคนเดียวกัน จึงแจ้งการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรไทยให้นายกัวทราบ และพบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่คาดว่าใช้ในการกระทำความผิดหลายรายการ จึงตรวจยึดและนำตัวนายกัว ส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
ขอขอบคุณข้อมูลจากทางข่าวสดออนไลน์
.......
ประมวลปาฏิหาริย์แห่งเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ (คลิ๊ก)
บารมีเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ รุ่นกรุงธนบุรี คุ้มครองชีวิต (คลิ๊ก)
ประมวลปาฏิหาริย์แห่งเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ (คลิ๊ก)
ปาฏิหาริย์อีกครั้ง เหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ ช่วยชีวิตคุณยายวัย 73 ปี ให้รอดตายอย่างน่าอัศจรรย์ใจ (คลิ๊ก)พระธรรมรัตนดิลก เจ้าอาวาสวัดอรุณ พระผู้สร้างเหรียญพระเจ้าตากชาววัดอรุณ หนึ่งเดียวในตำนานประวัติศาสตร์กรุงธนบุรี (คลิ๊ก)
สแกน QR Code เพื่อการเที่ยวชมความจริงของวัดอรุณราชวรารามแบบจำลองความจริงทั้งพระบถ
QR Code เพื่อการสำรวจความงามของวัดอรุณทั้งพระอาราม.
QR 碼以探索黎明寺的美麗。整個修道院。