อดีตแม่บ้านทูต หมดหนทาง พ้อชีวิตทำงานจนตาบอด2ข้าง ได้เยียวยา1.8 แสน
ข่าวประจำวัน
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 30 มิ.ย.2566 ตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง ได้ช่วยเหลือหญิงตาบอดพยายามจะเดินให้รถชนบริเวณแยกไฟแดงวัดหลักสี่ พบเป็นหญิงอายุประมาณ 45 ปี ลักษณะการแต่งกายดูภูมิฐาน เจ้าหน้าที่จึงพามาสงบสติอารมณ์ที่โรงพัก
คุณรัตน์ตพร อายุ 45 ปี หญิงตาบอดทั้ง 2 ข้าง นั่งตัดพ้อระบายความคับแค้นกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยเล่าว่า ตอนนี้ประกอบอาชีพรับนวดอิสระ และวันนี้ได้มีนัดมานวดให้ลูกค้าย่านหลักสี่ และได้รับหนังสือที่ไปยื่นร้องขอความช่วยเหลือเกี่ยวกับเงินเยียวยาจากกระทรวงการต่างประเทศ แต่ถูกปฎิเสธเลยทำให้เกิดความท้อแท้ในชีวิต แม่ก็มาล้มป่วยไม่มีรายได้มาเลี้ยงดูครอบครัว
ที่ผ่านมา ร้องเรียนเรื่องการขอเงินเยียวยาจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ กรมบัญชีกลาง กระทรวงยุติธรรม ศาลแรงงานกลาง ศาลปกครองกลาง ซึ่งทุกที่ปฎิเสธเนื่องจากไม่มีกฎหมายรองรับบ้าง ไม่มีอำนาจไต่สวนบ้าง สุดท้ายได้เงินเยียวยาเพียง 186,000 บาท
คุณรัตน์ตพร เล่าต่อว่า ย้อนหลังไปเมื่อปี 2550 มีโอกาสทำงานเป็นลูกจ้างชั่วคราวของสถานเอกอัครราชทูต ประจำประเทศกัมพูชา ตอนนั้นสภาพร่างกายยังปกติผ่านไป 2 ปีครึ่ง ท่านทูตได้ย้ายไปมาประจำสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งก่อนไปก็มีการจรวจเช็กสุขภาพก็ไม่มีอะไรผิดปกติ มีแค่เรื่องสายตาสั้น สายตาเอียง เมื่อไปถึงก็รู้ทันทีว่าร่างกายน่าจะรับไม่ได้
ประกอบกับเครื่องทำความร้อน (เครื่องฮีตเตอร์) ของตึกเสียเป็นประจำ บางครั้งดับ 2 วันติด เครื่องเล็กที่มีอยู่ก็ถูกนำไปใช้ที่ชั้นบน เหลือเพียงเครื่องเดียวที่ต้องใช้ร่วมกับเพื่อนอีก 2 คน บางครั้งต้องหาที่ซุกนอนเพื่อให้ตัวเองอบอุ่น แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวทำให้ป่วย เงินที่ใช้ในการรักษาตัวก็เงินส่วนตัว กระทั่งมีอาการเลือดกำเดาไหลออกมาจากจมูก จนตาข้างซ้ายดับมองไม่เห็น ได้กินแต่ยาที่ตัวเองเอาติดตัวไปเท่านั้น
ตลอดระยะเวลาที่อยู่ที่นั่น ตัวเองต้องทำงานทุกอย่างคอยต้อนรับแขกที่มาเยือน คอยเสิร์ฟอาหาร เครื่องดื่ม รวมถึงล้างจาน และเคยป่วยจนถึงขั้นมือแตก เลือดออก ซึ่งเกิดจากความเย็นของน้ำในระหว่างที่ล้างจาน หลังจากที่รู้ว่าตาซ้ายมองไม่เห็นก็ได้ไปบอกนายซึ่งก็พาไปหาหมอ แต่ด้วยการสื่อสารคนละภาษาจึงทำให้การรักษาไม่ดีเท่าที่ควร จนทำให้ตาข้างขวามองไม่เห็นตามมา จากนั้นท่านทูตได้เรียกไปคุยซึ่งก่อนหน้าที่ตาจะบอด
ตนเคยขอลาออกเพื่อกลับมาประเทศไทยเพราะทนความหนาวเย็นไม่ไหว แต่ก็ได้รับการปฎิเสธถึง 2 ครั้ง แต่พอเราตาเสียกลับมาผลักใสไล่ส่งเราบอกให้เรากลับมารักษาตัวที่ไทย “เหมือนยามดีใช้ พอไข้ไม่รักษา ” พอกลับมาที่ไทย ก็พยายามรักษาตัว แต่ก็ยังโชคดีที่มีภริยาท่านทูตอีกคนพาไปทำงานที่สถานเอกอัครราชทูต ประจำประเทศเกาหลี เนื่องจากเขาเห็นเราน่าสงสาร อยากให้เรามีรายได้ แต่ก็ยังเจอเพื่อนร่วมที่คอยรังแก ดูถูกหาว่ามาสร้างความลำบากให้กับพวกเขา
ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจจึงตัดสินใจขอลาออก ตอนนั้นยอมรับว่าโกหกท่านทูตไปว่าต้องการกลับมารักษาตัว และกลับมาดูแลแม่ สุดท้ายก็ได้กลับมา หลังกลับมาก็ได้ไปหาท่านทูตฝรั่งเศส ที่บ้านตอนนั้นท่านเกษียณกลับมาอยู่ที่ไทยแล้ว ซึ่งได้พบกับภริยาท่านทูต เพื่อเรียกร้องให้เขามารับผิดชอบที่เราไปทำงานให้เขาจนต้องเสียตาทั้ง 2 ข้าง แต่กลับถูกไล่ให้ไปที่อื่น จากนั้นจึงตัดสินใจยื่นหนังสือไปยังหน่วยงานต่างๆ ตั้งแต่ปี 60 เรื่อยมานับ 10 ครั้ง แต่สุดท้ายถูกปฎิเสธหมด
ตนมองว่าเป็นสิ่งที่ไม่เป็นธรรมกับตนเอง “ทำไมคนไทยหนึ่งคนที่ไปทำงานให้ทูตแล้วประสบปัญหา แต่กลับหากฎหมายมาช่วยเหลือเยียวยาคนไทยคนนี้ไม่ได้เลย” วอนผู้ที่เกี่ยวข้องมาให้การช่วยเหลือให้สิทธิ์ที่ตัวเองจะได้เชื่อว่าเงินที่เรียกร้องไปมันไม่ได้มากกับสิ่งที่ตนเองสูญเสียไปเลย ตอนนี้ก็พยายามนำวิชาการนวดที่ตนเองเคยเรียนมาตอนที่ตายังดีกลับมาใช้หาเลี้ยงตัวเอง และครอบครัว ซึ่งหากใครสนใจที่จะนวด ก็สามารถติดต่อนัดหมายมาได้ที่ 0928489211
ขอขอบคุณข้อมูลจากทางข่าวสดออนไลน์
.......
ประมวลปาฏิหาริย์แห่งเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ (คลิ๊ก)
บารมีเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ รุ่นกรุงธนบุรี คุ้มครองชีวิต (คลิ๊ก)
ประมวลปาฏิหาริย์แห่งเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ (คลิ๊ก)
ปาฏิหาริย์อีกครั้ง เหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ ช่วยชีวิตคุณยายวัย 73 ปี ให้รอดตายอย่างน่าอัศจรรย์ใจ (คลิ๊ก)พระธรรมรัตนดิลก เจ้าอาวาสวัดอรุณ พระผู้สร้างเหรียญพระเจ้าตากชาววัดอรุณ หนึ่งเดียวในตำนานประวัติศาสตร์กรุงธนบุรี (คลิ๊ก)
สแกน QR Code เพื่อการเที่ยวชมความจริงของวัดอรุณราชวรารามแบบจำลองความจริงทั้งพระบถ
QR Code เพื่อการสำรวจความงามของวัดอรุณทั้งพระอาราม.
QR 碼以探索黎明寺的美麗。整個修道院。