ทลายแก๊งคอลชาวจีน รวบผู้ต้องหาสำคัญ ตั้งฐานในเมียนมา โทรลวงมโหฬาร 8 พันล้าน
ข่าวประจำวัน
เมื่อวันที่ 19 พ.ค.66 ตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้า มาท่องเที่ยวในประเทศไทย ประกอบกับนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร., พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร.
มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติ ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัย อยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติ ที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ภาคภูมิภิภัทฒ์ สัจจพันธุ์ ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ธนิต ไทยวัชรามาศ ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.อภิมุข กานตยากร, พ.ต.อ.รัฐโชติ โชติคุณ, พ.ต.อ. แดนไพร แก้วเวหล รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.ฯ ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ. สรธรรศจ์ เอี่ยมละออ ผกก.1 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.พิสิษฐ์ ศรีอ่อน ผกก.2 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.รัฐพงษ์ แก้วยอด ผกก.4 บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ณภัทรพงศ สุภาพร ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชย พานะกิจ ผกก.(สอบสวน) กลุ่มงานสอบสวน บก.สส.สตม. ร่วมกันแถลงผลการปฏิบัติงานดังนี้
1.ผลการระดมกวาดล้างอาชญากรรม ในห้วงระหว่างวันที่ 4-13 พ.ค.66 สตม.สามารถจับกุมคนต่างด้าว อยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay) ได้ทั้งสิ้น 1,272 ราย เพิ่มขึ้น 487 ราย คิดเป็น 62.03 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเปรียบเทียบกับสถิติการจับกุมคนต่างด้าวอยู่เกินกำหนดอนุญาต (Overstay) ในห้วงการระดมกวาดล้างอาชญากรรม เมื่อเดือนต.ค.-พ.ย.65 ที่ผ่านมาซึ่งมีการจับกุมได้ 785 ราย
2.สตม.รวบหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีน หลอกลงทุนคริปโตปลอม ความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท สืบเนื่องจากได้รับการประสานงานจากเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย และเจ้าหน้าที่ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมเมืองเซี่ยงไฮ้ กรณีผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีนรายสาคัญ 3 ราย 1.นายโจว (นามสมมติ) อายุ 35 ปี สัญชาติจีน 2.นายหลี่ (นามสมมติ) อายุ 27 ปี สัญชาติจีน 3.นายหวง (นามสมมติ) อายุ 37 ปี สัญชาติจีน
ซึ่งก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีในลักษณะฉ้อโกงประชาชน ฯ เป็นขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ชักชวนหลอกลงทุนบนแพลตฟอร์มแอพพลิเคชั่นปลอม มูลค่าความเสียหายกว่า 500 ล้านบาท โดยตั้งฐานอยู่ที่ เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา แล้วหลบหนีเข้ามายังประเทศไทย
บก.สส.สตม. จึงสั่งการให้ พ.ต.ต.สิทธิมณ สร้อยภู่ระย้า สว.กก.4 บก.สส.สตม. พร้อมพวกสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายทั้ง 3 เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ต่อมาเมื่อวันที่ 27 เม.ย.66 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนทราบว่านายโจวหลบซ่อนอยู่ในคอนโดหรูแห่งหนึ่ง ย่านพระราม 9 จึงขอหมายค้นต่อศาลอาญา เพื่อตรวจค้น
เมื่อไปถึงห้องพัก พบนายโจวเป็นบุคคลเดียวกันกับ บุคคลตามหมายจับสาธารณรัฐประชาชนจีน และถูกเพิกถอนการอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราว ได้ออกมาจากห้อง จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และแสดงหมายค้นศาลอาญาเพื่อขอตรวจค้น โดยก่อนตรวจค้นได้แสดงความบริสุทธิ์จนเป็นที่พอใจแล้ว ซึ่งนายโจวสมัครใจพาตรวจค้นห้องผลการตรวจค้นพบ โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ และบัตรเครดิต จำนวนหลายรายการ จึงได้นำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
จากนั้น สตม.ประสานข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตารวจของสาธารณรัฐประชาชนจีน ขยายผลพบว่านอกจากนายโจวจะเป็นหนึ่งในหัวหน้าของแก๊งแล้ว ยังมีคนจีนอีก 2 คน เป็นระดับผู้บริหารของ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว คือนายหลี่ และนายหวง โดยทั้ง 2 รายเป็นบุคคลที่มีหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน และหลบหนีเข้ามาอยู่ที่ประเทศไทย
ต่อมาเมื่อวันที่ 16 พ.ค.66 เวลาประมาณ 12.00 น. เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้สืบสวนทราบว่า นายหลี่พักอยู่ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านทองหล่อ เมื่อเดินทางไปตรวจสอบพบ นายหลี่จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่และแจ้งกับ นายหลี่ว่าเป็นบุคคลที่มีหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน และถูกเพิกถอนการอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักรไทย เป็นการชั่วคราวแล้ว
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงจับกุมตัว และจากการสืบสวนยังพบว่านายหวงพักอยู่คอนโดหรูแห่งหนึ่งย่านวัฒนา จึงขอหมายค้นต่อศาลอาญาธนบุรี เมื่อไปถึงห้องพักพบ นายหวงซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตามหมายจับสาธารณรัฐประชาชนจีน และถูกเพิกถอนการอนุญาต อยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นการชั่วคราว จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่และแสดงหมายค้นศาลอาญาธนบุรี เพื่อขอตรวจค้น
โดยก่อนการตรวจค้นแสดงความบริสุทธิ์จนเป็นที่พอใจแล้ว โดยนายหวงสมัครใจพาตรวจค้นห้อง ผลการตรวจค้นพบ โทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ จึงนำตัวส่ง กก.3 บก.สส.สตม. เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
โดยพฤติการณ์ของแก๊งดังกล่าวนั้น จัดตั้งขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อยู่ที่เมืองสีหนุวิลล์ ประเทศกัมพูชา ลักษณะเป็นการโฆษณาชักชวนให้ลงทุนบนแพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นการลงทุนเกี่ยวกับคริปโตโดยจะชักชวนประชาชนจากเว็บไซต์และแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เมื่อมีคนหลงเชื่อจะพูดคุยผ่านแอพพลิเคชั่น และชักชวนหลอกลงทุน อีกทั้งการจัดหาพนักงานคอลเซ็นเตอร์ จะหลอกลวงและบังคับคนเข้าทางานกับแก๊งดังกล่าว
3.สตม.รวบหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์จีน โทรหลอกประชาชน ปลอมเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ เชื่อมโยง เกินกว่า 8,500 คดี ความเสียหายเกินกว่า 8,000 ล้านบาท
สืบเนื่องจากได้รับการประสานงานจากเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยและสำนักงานรักษา ความปลอดภัยสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน กรณีผู้ต้องหาตามหมายจับของสาธารณรัฐประชาชนจีน รายสาคัญคือ นางหยาง อายุ 35 ปี สัญชาติจีน
ซึ่งก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยีในลักษณะฉ้อโกงประชาชนฯ เป็นขบวนการแก๊ง คอลเซ็นเตอร์โทร หลอกประชาชนอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐข่มขู่ให้โอนเงินมูลค่าความเสียหายกว่า 8,000 ล้านบาท โดยตั้งฐานอยู่ที่เขต ปกครองพิเศษว้า ประเทศเมียนมา แล้วหลบหนีเข้ามายังประเทศไทย ผ่านทางช่องทางธรรมชาติ
บก.สส.สตม. จึงสั่งการให้ พ.ต.ต.สิทธิมณ สร้อยภู่ระย้า สว.กก.4 บก.สส.สตม. พร้อมพวก สืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยเมื่อวันที่ 6 เม.ย.66 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ ทำการสืบสวนจนทราบว่า นางหยางซ่อนอยู่ในบ้านแห่งหนึ่งที่จังหวัดเชียงใหม่ จึงขอหมายค้นต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ และเข้าตรวจค้น เมื่อไปถึงพบนางหยาง ซึ่งเป็นบุคคลเดียวกันกับบุคคลตาม หมายจับสาธารณรัฐประชาชนจีน จึงแสดงตนเป็นเจ้าหน้าที่และแสดงหมายค้นศาลจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อขอตรวจค้น
โดยก่อนการตรวจค้นแสดงความบริสุทธิ์จนเป็นที่พอใจแล้ว นางหยางสมัครใจพาตรวจ ค้นห้อง ผลการตรวจค้นพบ โทรศัพท์มือถือ จำนวนหลายรายการ และจากการตรวจสอบข้อมูลการเดินทางพบว่า นางหยางไม่ได้เข้ามาในประเทศไทยผ่านทางช่องที่กฎหมายกำหนด จึงได้จับกุมในข้อหา เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
พฤติการณ์ของแก๊งดังกล่าวนั้นจะจัดตั้งขบวนการอยู่ที่เขตปกครองพิเศษว้า ประเทศ เมียนมา โดยจะโทรศัพท์หาผู้เสียหายแล้วจะอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ หรือพนักงานอัยการ หรือตารวจ จากนั้นจะพูดข่มขู่ผู้เสียหายว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีอาญาและฟอกเงิน และให้ผู้เสียหายโอนเงินแก๊งดังกล่าว โดยกระทำผิดเชื่อมโยงกว่า 8,500 คดี ความเสียหายเกินกว่า 8,000 ล้าน
สตม.ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทา ความผิดในด้านต่างๆ รวมทั้งตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศชาติ
หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแส การกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ตาบลบ้านใหม่ อาเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120 หรือที่ หมายเลขโทรศัพท์ 1178 หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง
ขอขอบคุณข้อมูลจากทางข่าวสดออนไลน์
.......
ประมวลปาฏิหาริย์แห่งเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ (คลิ๊ก)
บารมีเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ รุ่นกรุงธนบุรี คุ้มครองชีวิต (คลิ๊ก)
ประมวลปาฏิหาริย์แห่งเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ (คลิ๊ก)
ปาฏิหาริย์อีกครั้ง เหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ ช่วยชีวิตคุณยายวัย 73 ปี ให้รอดตายอย่างน่าอัศจรรย์ใจ (คลิ๊ก)พระธรรมรัตนดิลก เจ้าอาวาสวัดอรุณ พระผู้สร้างเหรียญพระเจ้าตากชาววัดอรุณ หนึ่งเดียวในตำนานประวัติศาสตร์กรุงธนบุรี (คลิ๊ก)
สแกน QR Code เพื่อการเที่ยวชมความจริงของวัดอรุณราชวรารามแบบจำลองความจริงทั้งพระบถ
QR Code เพื่อการสำรวจความงามของวัดอรุณทั้งพระอาราม.
QR 碼以探索黎明寺的美麗。整個修道院。