ข่าวเปิดเหตุผลจู่โจมจับ 'สารวัตรคลั่ง' ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง เสร็จสิ้นภารกิจ - kachon.com

เมื่อวันที่ 15 มี.ค.66 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี พ.ต.ท.กิตติกานต์ สารวัตร สังกัดศูนย์พัฒนาด้านการข่าว บช.สันติบาล คลุ้มคลั่ง ยิงปืนภายในบ้านพักย่านสายไหม โดยเวลา 13.00 น. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เดินทางเข้าที่เกิดเหตุเพื่อปฏิบัติหน้าที่ หลังจับตัวสารวัตรคลั่งได้

ขณะที่หน่วยรบพิเศษชุดอื่นอย่าง คอมมานโด อรินทราช เจ้าหน้าที่กู้ภัย และตำรวจชุดอื่นทยอยออกจากพื้นที่หลังเสร็จสิ้นภารกิจสยบสารวัตรคลั่งได้ โดยนำตัว พ.ต.ท.กิตติกานต์ หรือสารวัตรกานต์ ขึ้นรถโรงพยาบาลเพื่อไปส่งที่โรงพยาบาลภูมิพล

สำหรับช่วงเวลาในการปฏิบัติภารกิจ เริ่มต้นขึ้นในเวลา 11.52 น. เริ่มเปิดปฏิบัติการ โดยชุดจู่โจมและอรินทราช ผสมกำลังกันนำบันได ถังน้ำ ไปลองทำเป็นบันไดเพื่อเข้าไปในบ้านของสารวัตร

ต่อมาเวลา 11.59 น. เจ้าหน้าที่ได้กันสื่อให้ออกจากพื้นที่ แล้วขอความร่วมมือให้ยุติการไลฟ์สด

จากนั้น เวลา 12.12 น. ตำรวจเริ่มขยับกระชับพื้นที่เข้าไปบ้านผู้ก่อเหตุ

เวลา 12.13 น. เจ้าหน้าที่ชุดจู่โจมเปิดฉากยิงเข้าไปในบ้าน 5 นัดแรก จากนั้นสารวัตรกานต์ยิงตอบโต้ออกมา ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องสาดกระสุนกันไปมาทั้ง 2 ฝ่าย ต่อเนื่อง

และในเวลา 12.25 น. หลังจากมีเสียงคล้ายกับปืนดังต่อเนื่องจากบ้านของผู้ก่อเหตุกว่า 30 นัด โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มยุทธวิธี ด้วยการปาระเบิดควัน ก่อนที่จะบุกเข้าไปในบ้าน ขณะที่ผู้ก่อเหตุก็ยิงปืนสวนกลับมาเป็นระยะ หลังจากนั้นเสียงปืนได้เงียบไป ก่อนที่รถพยาบาลจากขับถอยเข้าไปด้านในซอยบ้านผู้ก่อเหตุ และนำตัวสารวัตรกานต์ที่ได้รับบาดเจ็บขึ้นรถ แล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว

เวลา 12.40 น. พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ยืนยันว่าพ.ต.ท.กิตติกานต์ ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บ

สำหรับเหตุผลที่เจ้าหน้าที่ตัดสินใจเข้าจู่โจมควบคุมตัว เนื่องจากตำรวจร่วมกับทีมแพทย์ประเมินแล้วว่า พ.ต.ท.กิตติกานต์มีท่าทีใจเย็นลง หลังจากได้พูดคุยโทรศัพท์กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้เปรียบมากที่สุด จึงเข้าปฏิบัติการดังกล่าว

รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยนำตัวพ.ต.ท.กิตติกานต์ ส่งโรงพยาบาลภูมิพล ขณะนี้รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู เนื่องจากถูกยิง 3 นัด เข้าที่ข้อพับซ้าย หน้าอกซ้าย ขาท่อนบนซ้าย เบื้องต้นชีพจรกลับมาเป็นปกติแล้ว