ข่าวจับหนุ่มสาวมะกันมือบอน เที่ยวพ่นสีรถ-บ้านย่านสำเพ็ง! - kachon.com

จับหนุ่มสาวมะกันมือบอน เที่ยวพ่นสีรถ-บ้านย่านสำเพ็ง!
ข่าวประจำวัน

photodune-2043745-college-student-s

เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. เพจ Tourist Police Bureau กองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว โพสต์ภาพรถยนต์ที่จอดอยู่ริมถนนและตามกำแพงประตูบ้านเรือนประชาชนถูกฉีดพ่นด้วยสีสเปรย์เป็นรูปภาพและข้อความต่างๆ โดยระบุว่า #เร่งติดตามนักท่องเที่ยวสร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้านย่านสำเพ็ง นักท่องเที่ยวต่างชาติสามคน อาศัยช่วงเวลายามดึกสร้างความเดือดร้อนให้ชุมชนย่านสำเพ็งด้วยการพ่นสีเปรย์ตามประตูบ้าน กำแพง และรถยนต์ จากภาพวงจรปิดทั้งสามยังได้ถ่ายคลิปการกระทำของตนเองไว้ด้วย ซึ่งขณะนี้ทั้ง สน.พื้นที่และตำรวจท่องเที่ยว ได้รับข้อมูลจากผู้เสียหายและกำลังเร่งติดตัวกลุ่มบุคคลดังกล่าว ประชาสัมพันธ์ถึงผู้ประกอบการโรงแรมที่พบกลุ่มนักท่องเที่ยวลักษณะคล้ายกับบุคคลในคลิปภาพให้รีบโทรแจ้งสายด่วนตำรวจท่องเที่ยว โทร 1155 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

หลังโพสต์ดังกล่าวมีการแชร์ออกไปมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่อยากให้เจ้าหน้าที่จับตัวได้ไวๆ และมีการนำตัวมาทำโทษโดยการให้คนทั้งสามมาขัดสีที่ฉีดพ่นไว้ออกให้หมดก่อนจะดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะถ้าแค่ปรับแล้วจบอาจจะมีการทำเลียนแบบขึ้นมาอีก 


ล่าสุดผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลางดึกที่ผ่านมา นายเชล เทิร์นเบิร์ก อายุ 28 ปี และนางสาวนิโคล กอลเลน อายุ 24 ปี นักท่องเที่ยวสัญชาติอเมริกัน ถูกตำรวจท่องเที่ยวตามไปจับตัวได้จากพัทยา จ.ชลบุรี ก่อนคุมตัวมาสอบสวนที่ สน.จักรวรรดิ หลังพบว่าเป็นผู้ร่วมก่อเหตุนำกระป๋องสีสเปรย์ไปพ่นตามกำแพงอาคารและรถยนต์ของผู้ค้าและชาวบ้านในย่านสำเพ็ง เขตสัมพันธวงศ์ เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา ได้รับความเสียหายหลายราย โดยมีผู้เสียหายทยอยเดินทางมาดูตัวผู้กระทำความผิดด้วย

นายเชล 1 ในผู้ต้องหา ยอมรับว่าได้ลงมือก่อเหตุจริง แต่ที่ทำไปเพราะเมาสุราแล้วเกิดความคึกคะนอง ส่วนเพื่อนที่ร่วมก่อเหตุอีก 1 คน ทราบว่าเดินทางกลับไปประเทศไปแล้วก่อนหน้านี้ ทั้งนี้ยังได้กล่าวแสดงความขอโทษต่อคนไทย และรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ได้กระทำไป พร้อมฝากเตือนไปยังนักท่องเที่ยรายอื่นๆ ที่คิดจะกระทำผิดในลักษณะเช่นนี้ เพราะเชื่อว่าตำรวจไทยจะติดตามจับกุมได้เช่นกัน

ขณะที่ 1 ในผู้เสียหาย บอกว่า รู้สึกดีใจที่ตำรวจทำงานรวดเร็ว จนสามารถตามจับกุมผู้กระทำผิดได้สำเร็จ และพอใจที่ผู้ต้องหามีความสำนึกผิดในสิ่งที่ทำลงไป ส่วนค่าเสียหายที่เกิดขึ้นก็ได้รับการเยียวยาประมาณ 10,000 บาท เช่นเดียวกับผู้เสียหายที่เหลืออีก 3 ราย

สำหรับคดีนี้ตำรวจเตรียมดำเนินคดีทั้ง 2 คน ฐานทำให้เสียทรัพย์ เป็นความผิดที่มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 6 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมกันนี้จะดำเนินการเพิกถอนวีซ่า และส่งเรื่องไปยังสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อดำเนินการขึ้นบัญชีดำทั้งผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้และเดินทางกลับประเทศไปแล้วต่อไป.