เปิดคำพิพากษาฉบับเต็มหวย 30 ล้านทำลุงจรูญชนะคดี
ข่าวประจำวัน

คดีนี้มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยในข้อหายักยอกสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่ถูกรางวัลที่หนึ่ง ซึ่งโจทก์ทำหายหรือรับสลากกินแบ่งรัฐบาลดังกล่าวโดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์สินที่ได้มาโดยการกระทำความผิดฐานยักยอกทรัพย์สินหาย จึงต้องวินิจฉัยว่า สลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่ถูกรางวัลที่หนึ่งเป็นทรัพย์สินของโจทก์ที่ทำหายซึ่งเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นองค์ประกอบภายนอกสำหรับความผิดตามฟ้องหรือไม่ ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาทั้งหมดแล้ว เห็นได้ว่าเป็นประจักษ์พยานมาเบิกความยืนยันข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการซื้อขายเท่านั้น แต่ไม่มีพยานหลักฐานอื่นมาสนับสนุนคำเบิกความของพยานบุคคล อีกทั้งคำเบิกความของพยานบุคคลดังกล่าวก็มีข้อพิรุธและขัดแย้งกันเองในหลายประการ ทั้งเรื่องความสามารถของพยานแต่ละคนในการจดจำเลขสลากกินแบ่งรัฐบาล การโทรศัพท์ติดต่อนัดหมายไปรับสลากกินแบ่งรัฐบาลระหว่างโจทก์กับนางรัตนาพร การแจ้งความหลังทราบผลการออกรางวัลและที่สำคัญคำเบิกความของพยานบุคคลที่โจทก์นำสืบล้วนขัดแย้งกับข้อมูลการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่และพื้นที่การใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ของโจทก์ในวันที่ 31 ต.ค. 60 เมื่อพิจารณาประกอบกับพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่จำเลยนำสืบหักล้างแล้ว
ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์ไปซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลจากนางสาวรัตนาพร ที่ตลาดเรตซิตี้ในวันศุกร์ที่ 27 ต.ค. 60 โดยไม่ได้เดินทางไปตลาดเรดซิตี้ในวันที่ 31 ต.ค. 60 แต่โจทก์กลับใช้วิธีนำสืบโดยหยิบยกเอาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 27 ต.ค. 60 มากล่าวอ้างว่าเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 31 ต.ค. 60 เมื่อปรากฎว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดถูกรางวัลที่หนึ่งยังวางขายอยู่บนแผงขายสลากกินแบ่งรัฐบาลของนางสาวพัชริดา ในวันที่ 30 ต.ค. 60 แต่โจทก์ไปซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลจากนางสาวรัตนาพร ในวันที่ 27 ต.ค. 60 แสดงว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลที่โจทก์ซื้อไปจากนางสาวรัตนาพรไม่ใช่สลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่ถูกรางวัลที่หนึ่ง แต่เมื่อทราบผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 พ.ย. 60 นางสาวรัตนาพร เห็นภาพถ่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลบนแผงขายของนางสาวพัชริดา ซึ่งนางสาวพัชริดาถ่ายรูปไว้เมื่อวันที่ 30 ต.ค. 60 ปรากฎภาพสลากกินแบ่งรัฐบาลเลข 533726 อยู่บนแผง นางสาวรัตนาพรจึงคิดว่าตนเองซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดดังกล่าวไปจากนางสาวพัชริดาแล้วนำไปขายต่อให้โจทก์นางสาวรัตนาพรจึงไปบอกโจทก์ว่าถูกรางวัลที่หนึ่ง ในครั้งแรกโจทก์ก็ยืนยันว่าสลากกินแบ่งรัฐบาลที่โจทก์มีเลขสามตัวหน้าไม่ตรงกับรางวัลที่หนึ่ง แต่เมื่อนางสาวรัตนาพรพูดย้ำหลายครั้งว่า โจทก์ถูกรางวัลที่หนึ่ง ทำให้โจทก์เริ่มลังเลจนในที่สุดก็เข้าใจไปด้วยอีกคนว่าตนได้ซื้อสลากกินแบ่งรับบาลชุดที่ถูกรางวัลที่หนึ่งจริงตามที่นางสาวรัตนาพรบอก แม้ว่าขณะนั้นโจทก์จะไม่มีสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่ถูกรางวัลที่หนึ่งอยู่ในครอบครอง จนกลายเป็นที่มาของการไปแจ้งความว่าโจทก์ทำสลากกินแบ่งรับบาลชุดที่ถูกรางวัลที่หนึ่งตกหาย ทั้งๆที่ในความจริงแล้วโจทก์ไม่ได้ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดดังกล่าวมาตั้งแต่แรก เมื่อคดีอาญาโจทก์มีหน้าที่นำสืบให้ได้ว่า มีการกระทำความผิดตามฟ้องเกิดขึ้นจริง แต่พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบล้วนแต่มีข้อพิรุธน่าสงสัยและขัดแย้งกับพยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ในหลายประการตามที่กล่าวมา ข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่า โจทก์ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลชุดที่ถูกรางวัลที่หนึ่งมาจากนางสาวรัตนาพร สลากกินแบ่งรัฐบาลที่จำเลยนำไปขอรับเงินรางวัลไม่ใช่ทรัพย์สินของโจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2 (4) โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลย พิพากษายกฟ้อง