โวยจอดจยย.ขวางทางเข้าบ้าน กลับโดนสวนอคติ-ไร้น้ำใจ
ข่าวประจำวัน
เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางหลังจากโลกออนไลน์แชร์คลิปวีดีโอของเพื่อนบ้านรายหนึ่งที่จอดรถจักรยานยนต์ขวางประตูบ้านคนอื่น แต่กลับไม่พอใจเจ้าของบ้านที่กำลังจะเอารถออก โดยกล่าวหาว่า "มีอคติ" ทำไมต้องแบบแตรแสดงความไม่พอใจ โดยคลิปดังกล่าวมาจากผู้ใช้เฟซบุ๊ก "แอม เบอร์รี่" โพสต์ลงเมื่อวันที่ 30 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยเล่าเหตุการณ์ให้ฟังทำนองว่า "...ปัญหา..คือ..มาจอดรถหน้าบ้านเราหลายรอบ รถเราเข้าออกไม่เป็นเวลา ต้องคอย กดกิ่งเรียกพอเรียก ก็ด่าเราไม่มีน้ำใจ ดูเอานะคะ ใครไม่มีน้ำใจ เราให้จอด แต่เวลาเราเข้าออก เรียกให้ขยับรถทีไร ทำท่าไม่พอใจทุกที บางวันฝนตก ก็ต้องลงไปเรียกให้เอารถออก รถเราเข้าออกบ้านไม่เป็นเวลา บ้านเขามีที่จอดรถแต่ไม่จอดบ้านตัวเอง มารบกวนบ้านข้าง ๆ ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก พยายามคุยดีก็แล้ว ไม่รู้จะแก้ไขปัญหาแบบนี้ยังคะ ขอข้อแนะนำหน่อยคะ...."
ขณะที่เหตุการณ์ในคลิปวีดีโอ มีการเถียงกันอย่างดุเดือด โดยฝ่ายหญิงสาวเจ้าของคลิปได้ตำหนิการกระทำของเพื่อนบ้าน เนื่องจากจยย.กีดขวางทางเข้าออก จึงขอให้หนุ่มเพื่อนบ้านช่วยเอาจยย.ไปจอดบ้านตัวเอง และอย่ามาจอดขวางทางเข้าบ้านอีก แต่ปรากฏว่าชายที่เป็นเพื่อนบ้านกลับกล่าวมาทำนองว่า "...ฝ่ายหญิงมีอคติเกินไปหรือเปล่า และไม่มีน้ำใจทั้งที่เป็นเพื่อนบ้านกันหน่อยไหม ตัวเองไม่เคยมีปัญหากับใคร ทำไมต้องทำให้เกิดปัญหา..." ปรากฏว่าฝ่ายหญิงเจ้าของคลิปสุดจะทน โต้กลับไปว่า ไปเรียกทีไรก็ไม่พอใจทุกที มันหลายครั้งหลายหนแล้วที่ต้องมาเจอปัญหาแบบนี้ พร้อมกับถ่ายไปยังในบ้านของชายคู่กรณีซึ่งก็พบว่า สามารถนำจยย.เข้าไปจอดในบ้านได้โดยไม่มีปัญหาอะไร ก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะแยกย้ายกันไปเพราะไม่ต้องการให้เกิดปัญหาบานปลาย
อย่างไรก็ตามหลังจากคลิปดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป พบว่าความเห็นส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของหนุ่มเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะกรณีที่ฝ่ายหญิงสาวเจ้าของคลิป จำเป็นต้องรีบเดินทางออกจากบ้าน เพราะมีเหตุฉุกเฉินขึ้นมา แล้วออกไม่ได้เพราะจยย.จอดขวางทาง ก็จะเป็นการทำให้ผู้อื่นเกิดความเดือดร้อนสาหัส เหมือนกับกรณีบ้านป้าทุบรถ ที่เคยตกเป็นข่าวครึกโครมมาแล้ว จึงอยากให้ทั้งสองฝ่ายใจเย็น ๆ เจรจากันด้วยเหตุผล โดยเฉพาะฝ่ายชายเพื่อนบ้านควรเห็นอกเห็นใจผู้อื่น ไม่ควรนำรถมาจอดขวางหน้าบ้านสาวเจ้าของคลิปนี้อีก.
สามารถติดตามชมคลิปได้ที่นี่...คลิก
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก เฟซบุ๊ก แอม เบอร์รี่