ข่าวสาวลั่นจบป.ตรีขายยาคูลท์ อายทำไมถ้าปลดหนี้สำเร็จ - kachon.com

สาวลั่นจบป.ตรีขายยาคูลท์ อายทำไมถ้าปลดหนี้สำเร็จ
ข่าวประจำวัน

photodune-2043745-college-student-s

กลับมาอีกครั้งกับแรงบันดาลใจสำหรับใครที่กำลังรู้สึกท้อแท้ในชีวิต ซึ่งครั้งนี้เป็นเรื่องราวของสาวสวย “ปุ้ย-นันทวัน ฟักทอง” ที่กว่าจะมาเป็น...สาวยาคูลท์ เขต อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ บอกเลยว่าชีวิตของเธอแฝงไปด้วยแง่มุมที่ผ่านการใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ ผ่านอุปสรรคความคิด และหันหน้าเข้าวัดปฏิบัติธรรมบ่มจิตใจ จนวันนี้เธอละทิ้งและลดความทะนงตนในอดีตลงมา จากชีวิต “สาวบัญชีสวยหรู” จนได้เป็น “สาวยาคูลท์”

แต่ก่อนเธอก็เป็นพนักงานบัญชีคนหนึ่งทำงานในเมืองใหญ่ นานพอสมควรนับได้ถึง 8 ปี จึงตัดสินใจย้ายงานแต่ยังไม่ใช่สาวยาคูลท์ ตอนนั้นเธอย้ายไปทำตำแหน่ง “พนักงานบัญชีต้นทุน” ของอีกบริษัทยักษ์ใหญ่จากประเทศออสเตรเลีย ที่มีแหล่งการผลิตที่ประเทศไทย โดยแหวนวงหนึ่งเธอต้องดูรายละเอียดว่าพลอยกี่เม็ด ทำไปได้ 2-3 ปี แม้งานไม่หนักและค่อนข้างสบาย แต่กลับเป็นงานเดิม ๆ ไม่ได้มีความท้าทายอะไร


เธอจึงบอกตัวเองว่า...คงถึงเวลาและถึงจุดอิ่มตัวแล้ว เพราะใจของเธออยากทำงานที่ให้อิสระ แต่เธอก็ยังยืนยันว่า ปุ้ยไม่ได้บอกว่างานออฟฟิศไม่ดีนะค่ะ เพียงแค่บางมุมทีปุ้ยเป็นสาวออฟฟิศที่แข่งกันแต่งตัว มีบัตรเครดิต 7-8 ใบ เงินในบัตรเพิ่มให้ใบละ 1 แสน แต่ทำไมไม่มีเงินเก็บเลย”

พักหลัง ๆ ซึ่งบ่อยครั้งมากขึ้นที่เธอเริ่มเตือนตัวเองให้รีบฉุกคิด...ทำไมต้องทะเยอทะยานฟุ่มเฟือยจนไม่มีเงินเก็บ จะแต่งตัวไปทำไม รองเท้าคู่เดิมใส่ไม่ได้เหรอ ทำไมต้องซื้อคู่ใหม่ กระเป๋าใหม่ กระโปรง เสื้อผ้า ฯลฯ ทุกอย่างกลายเป็นสิ่งที่ต้องแข่งขันโดยไม่รู้ตัว แต่ยังดีแม้ว่าจะไร้เงินเก็บ เธอก็ยังทำหน้าที่ลูกคอยส่งเงินกลับไปที่บ้านให้แม่ทุก ๆ เดือน เพราะเธอไม่ได้มีภาระผ่อนบ้านหรือรถ เนื่องจากเช่าที่พักอาศัยอยู่ ทำงาน 6 วัน เงินเดือนจึงหมดไปกับวันหยุดเพียง 1 วัน ด้วยการช้อปปิ้งโดยไม่ได้ใส่ใจที่จะเก็บออมเงิน


ย้อนกลับไปสมัยวัยเด็ก เธอเป็นชาว จ.นครสวรรค์ โดยที่พี่สาวอยากให้เธอเรียนจบเพียงชั้น ม.3 จะได้ใช้เวลาช่วยกันทำงานหาเงินส่งทางบ้าน กระทั่งเธอย้ายไปอาศัยอยู่กับพี่สาว ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา แต่ไม่ขอละทิ้งการเรียน เธอกู้กยศ. และทำงานรับจ้างแบ่งเบาภาระช่วยพี่สาวอีกทางหนึ่ง จนในที่สุดสาวบัญชีคนนี้ สามารถคว้าปริญญาตรีจากรั้วสถาบันเทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขตพระนครศรีอยุธยา วาสุกรี (ชื่อเดิม) ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลสุวรรณภูมิ จ.พระนครศรีอยุธยา ได้สำเร็จ

กลับมาในปี 55 วันที่เธอฉุกคิดได้และตัดสินใจลาออกจากงานบัญชี โชคดียังได้รับการเวนคืนกรมธรรม์ เหลือเงินสดติดตัว 7-8 หมื่นบาท จึงนำเงินทั้งหมดไปลงทุนเปิดร้านสปาที่ จ.เชียงใหม่ หลังจากที่ใช้เวลาว่างจากงานประจำไปเรียนการนวดสปา โดยแรก ๆ นั้นกิจการไปได้ดีมาก เธอจึงสร้างครอบครัวแต่งงานกับแฟนหนุ่มชาวเชียงใหม่ และจะรู้กันดีว่า “...ร้านของปุ้ยจะหยุดทุกวันพระ เพราะปุ้ยจะไปปฏิบัติธรรม”

ทว่ากิจการเดินไปได้ไม่ถึง 2 ปี ก็ต้องมีเหตุหยุดชะงักและปิดตัวลง เธอกับสามีย้ายไปอาศัยที่บ้าน จ.นครสวรรค์ เธอตั้งท้องด้วย สามีของเธอจึงไปสมัครเป็นช่างโรงกลึง จ.พระนครศรีอยุธยา ส่วนเธอขณะที่ไปปฏิบัติธรรม ได้พบกับหญิงคนหนึ่งใส่ที่ใส่ชุดของสาวยาคูลท์ จึงเข้าไปทักทายความสงสัย เพราะเคยเห็นหน้ากันมาก่อนครั้งที่ไปปฏิบัติธรรม


“ความสงสัยของปุ้ยที่ว่า ฐานะทางบ้านพี่เขาก็โอเคอยู่แล้ว บ้านก็มี เงินมีใช้ แต่ทำไมพี่เขาทำอาชีพสาวยาคูลท์ หลังจากได้คุยกันก็ตัดสินใจแล้วว่าจะสมัครเป็นสาวยาคูลท์ ตอนนั้นก็ปี 60 พอดี ซึ่งปุ้ยไม่เคยคิดว่า เราจะทำไม่ได้ คนจะคิดว่าเจอรถเยอะ ตากแดด ฝนตก อาจจะเป็นอุปสรรค แต่สำหรับปุ้ยมันคือความอิสระ เจอแดดก็บัง เจอฝนก็หลบ แต่ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ไม่ต้องตัดชุด ทุกคนใส่ชุดสีขาวเหมือนกัน แม้แต่หัวหน้าก็ใส่แบบนี้ ไม่มีการแบ่งว่าใส่รวยใครจน มันมีความสุข”

กระทั่งวันหนึ่งเธอบังเอิญเจอเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันไปฝากเงินที่ธนาคาร เพื่อนก็แปลกใจเพราะเห็นเธอใส่ชุดสาวยาคูลท์...“ทำไมเธอทำงานสาวยาคูลท์” และเป็นประโยคที่เธอถูกถามบ่อยครั้ง เธอตอบกลับข้อสงสัยไปว่า...ฉันไม่ได้ใส่กระโปรง ชุดฉันไม่สวยเหมือนเธอแล้วใช่ไหม...ปุ้ยก็คุยกันขำ ๆ ไม่ได้ซีเรียส เพราะไม่ได้เจอกันนานมากแล้ว...


แต่เธอให้แง่คิดว่า…คนส่วนใหญ่มักมองแต่ละอาชีพด้วยรูปลักษณ์ ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยทำงานนั้นเลย ถ้าเรียนปริญญาตรีมาต้องทำงานสูง ๆ เพราะจบมาสูง ชุดความเชื่อแบบนี้คงทำให้เราไม่มีความสุขกับงาน เราเรียนจบได้จริง แต่ว่าทำไมเราไม่ทำงานที่เรารู้สึกว่าเป็นตัวเรา ทำแล้วมีความสุข

เพราะในวันนี้สิ่งที่ได้จากการเป็น “สาวยาคูลท์” สามารถทำให้เธอใช้หนี้ที่เคยสร้างมา จ่ายค่าบัตรเครดิตต่าง ๆ และปลดหนี้ไปกว่าแสนบาทแล้ว การเป็นสาวยาคูลท์จึงทำให้เธอรู้สึกมีคุณค่า และยิ่งไปกว่านั้นความภูมิใจที่สองมือของเธอสร้างหนี้ขึ้นมา และปลดหนี้ด้วยสองมือเล็ก ๆ ของเธอเช่นกัน

หลังจากนั้นเธอนำเรื่องราวส่วนหนึ่งโพสต์ลงบนเฟซบุ๊ก @นันทวัน ฟักทอง หวังเป็นเพียงแง่คิดในชีวิตที่คอยเตือนตัวเองในทุก ๆ ปี แต่ไม่คาดคิดว่าจะมีผู้คนเข้ามาไถ่ถามมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวเป็นอย่างไรต่อ ขอคำแนะนำการปรับตัวและการใช้ชีวิต ฯลฯ ซึ่งถ้าย้อนกลับไปได้ เธอพูดติดตลกว่า...ปุ้ยว่าปุ้ยก็จะ...ตัดสินใจออกจากงานบัญชีเร็วกว่านี้


จนปัจจุบันเธอหลงรักเจ้าจุลินทรีย์ในขวดยาคูลท์ไปแล้ว เพราะทุกครั้งที่บริษัทฯ ส่งเธอไปอบรม เธอจะเก็บเกี่ยวความรู้จากนักวิชาการให้ได้มากที่สุด เพราะอะไรหรือก็เพราะว่า...หน้าที่ที่เธอรับผิดชอบ คือ การส่งยาคูลท์ให้ถึงมือลูกค้า ถ้าถูกถามเธอจะรู้สึกยินดีมาก ๆ เพราะทุกครั้งที่ได้ตอบคำถามที่ว่า “อีหนูทำไมยาคูลท์ไม่มีขวดใหญ่เลย” จุลินทรีย์ในขวดเล็ก ๆ นี้เพียงพอสำหรับประสิทธิภาพในการทำงานของลำไส้ใหญ่แล้ว ลูกค้าก็จะเข้าใจ มันเป็นความภูมิใจอีกอย่างหนึ่งที่เธอได้นำความรู้ไปถ่ายทอดอีกต่อหนึ่ง คนกินแฮปปี้ เธอจึงได้มากกว่าการขายไปวัน ๆ

และประโยคสุดท้ายที่เธออยากจะบอกคือ...อาชีพสาวยาคูลท์ตอบโจทย์สำหรับคนรักอิสระที่สุด ไม่ได้ดูเหนื่อยอย่างที่คิด และที่สำคัญสามารถปลดหนี้ให้เราได้ดีเลยทีเดียว...และเธอยังตั้งใจว่า ฉันจะปลดหนี้ที่ฉันสร้างขึ้นด้วยอาชีพนี้...ขอบคุณมาก ๆ นะคะ
………………………………..
รู้จักยาคูลท์เพิ่มเติมที่ : @บริษัท ยาคูลท์ (ประเทศไทย) จำกัด 


คลิกที่นี่...อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับยาคูลท์