ข่าวไทม์ไลน์'คู่หูขวานพิฆาต'ทนเสียงแตรไม่ได้ก็ต้องรับกรรม - kachon.com

ไทม์ไลน์'คู่หูขวานพิฆาต'ทนเสียงแตรไม่ได้ก็ต้องรับกรรม
ข่าวประจำวัน

photodune-2043745-college-student-s

ข่าวที่ผู้คนบนโลกออนไลน์ให้ความสนใจมากตลอดทั้งวานนี้ (23 พ.ค.) อาจจะมีหลากหลายข่าวสาร แต่เชื่อว่าข่าวนี้ต้องเป็นหนึ่งในข่าวที่มีคนติดตามมากเป็นอันดับต้นๆแน่ สำหรับข่าว 2 หนุ่มซ่าหัวร้อนอารมณ์เดือด ไม่พอใจโดนรถกู้ชีพบีบแตรใส่จากการเปลี่ยนเลนกะทันหัน ซิ่ง จยย.ไล่ทุบรถและใช้ขวานไล่ฟันรถจนกระจกแตก เหตุเกิดที่ จ.ภูเก็ต

มันเริ่มต้นจาก ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อว่า “Kaew Detnarong” หรือ นายเดชณรงค์ ส่งแสง ซึ่งเป็นทนายความ และเป็นอาสาสมัครมูลนิธิกุศลธรรมภูเก็ต โพสต์คลิปและระบุว่า "ฝากตามหาตัวกันหน่อยครับ มีคลิปกล้องหน้ารถหลังรถ วันที่ 20 พ.ค. 62 เวลาประมาณ 16.45 น. ผมได้ขับรถพยาบาลอาสาสมัคร รหัส เทพกระษัตรี 05 จากนาคามุ่งหน้าแยกเซ็นทรัล พอขึ้นจากอุโมงค์หน้าห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล ภูเก็ต ก็วิ่งอยู่เลนขวาสุด แล้วก็เปลี่ยนเข้าเลนกลาง เมื่อเข้าเลนกลางแล้ว องกระจกมองข้างด้านซ้าย เห็น จยย. จากเลนซ้ายจะแซงรถกระบะสีแดง จึงได้บีบแตรเตือน เพราะรถเกือบจะชนด้านซ้ายของรถพยาบาลแล้ว ปรากฏว่าคนซ้อน จยย. ได้ใช้ของแข็งขว้างใส่กระจกหลังรถพยาบาล ผมจึงชะลอรถ คนขับจยย.ได้ขับมาเทียบข้างและบอกให้จอด ผมจึงบอกว่าได้ แต่มองเห็นทางกระจกว่า คนซ้อนได้ชักอาวุธสีดำออกมา จึงได้ขับรถต่อไปไม่จอด"


"แต่เขาก็ขับตามมา และบอกให้จอด ผมก็ขับไปเรื่อยๆ เพราะถ้าเขาไม่ตามผมจะได้เลี้ยวเข้าโลตัสเพื่อไปซื้อยาใส่รถพยาบาล ปรากฏว่าเขาลงมาจาก จยย.และวิ่งตามมา ผมจึงได้เร่งขับออกไป แต่เขาก็ขึ้นรถขับตามมาขว้างของแข็งใส่กระจกอีกครั้ง แล้วเร่งแซงขึ้นมาทางด้านคนขับ คนซ้อนได้เงื้อมีดจะแทงกระจกฝั่งคนขับ ผมจึงเบี่ยงรถไปหาเขา เพื่อให้เขาหลบออกไป แต่เขาได้เร่งแซงขึ้นหน้ารถ และชี้หน้าด้วยมีดในมือ ผมเห็นว่าเขาไม่ปล่อยผมแน่ ผมจึงได้เบิ้ลเครื่องขู่ แต่เขาใช้มีดแทงหน้ารถ ผมจึงเร่งเครื่องเบียดรถ จยย. เพื่อให้เขากลัว แต่ปรากฏว่าเขาได้ขับไล่ตามมาใช้ขวานฟันกระจกหลังรถและกระจกด้านข้าง ผมจึงได้เร่งเครื่องหนี และมีตำรวจจราจรขับรถอยู่ด้านหน้าไกลๆ เขาเห็นตำรวจจึงเลี้ยวรถกลับไปทางโลตัส มีคนถามว่าทำไมไม่ชน ผมเป็นรถพยาบาล เราถูกฝึกมาช่วยคนไม่ใช่ทำร้ายคน"


ต่อมา นายเดชณรงค์ เปิดเผยว่า ภายหลังจากแจ้งความ ทาง ร.ต.อ.ณัฐธีร์ พิชิตชัยนิธิเมธ รอง สว.(สอบสวน) สภ.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต เจ้าของคดี ได้ประสานเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.วิชิต และชุดสืบสวนภูธรจังหวัดภูเก็ต ติดตามตัวสองวัยรุ่นผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฏหมาย ขณะนี้อยู่ระหว่างการติดตามตัว โดยล่าสุดเจ้าหน้าที่ทราบตัวผู้ก่อเหตุทั้งสอง และได้ทำการขออนุมัติออกหมายจับต่อศาล จ.ภูเก็ต เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจระบุว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิดตามข้อกล่าวหา "ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยและทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญ"


ขณะที่ นายอัญวุฒิ โพธิ์อำไพ หรือ ยอด รองหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ มูลนิธิร่วมกตัญญู เจ้าของรหัสเรียกขาน “นคร45” เปิดเผยกับ "เดลินิวส์ออนไลน์" ว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โชคดีที่รถกู้ชีพฯ มีกล้องติดไว้ด้านหลังทำให้เห็นเหตุการณ์ต่างๆ ของสองวัยรุ่นใจร้อนอย่างชัดเจน ซึ่งทั้งคู่ไม่มีสิทธิ์จะกระทำเช่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นรถกู้ชีพฯ หรือรถประชาชน บ่งบอกถึงจิตใจของคุณแย่มาก อยากให้มีความใจเย็นมากกว่านี้ ยิ่งเป็นรถพยาบาลด้วยแล้ว หากคุณให้ทางรถฉุกเฉินได้วิ่งผ่านไปก่อน ถือเป็นการให้ชีวิตกับเขาด้วย ยิ่งคุณขี่รถจยย. สามารถหลบหลีกได้ง่ายกว่า เนื่องจากรถพยาบาลอาจมีการรับผู้ป่วยรีบนำส่ง รพ. ด้วยความเร่งรีบ อาจจะต้องขอทางฉุกเฉิน จนทำให้ผู้ใช้รถใช้ถนนเกิดความไม่พอใจบ้าง

"ฝากถึงคนหัวร้อนต่างๆ เมืองไทยเราเป็นสยามเมืองยิ้ม การให้อภัยง่ายกว่า อย่าให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ แม้บางครั้งจะมีการปาดหน้ากันขึ้น หากยกมือไหว้ กล่าวคำขอโทษ ทุกอย่างก็จบด้วยดี" ยอด นคร 45 กล่าว


ไม่นาน พ.ต.อ.ประวิทย์ เอ่งฉ้วน ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต นำกำลังจับกุม 2 วัยรุ่นหัวร้อนจากคลิปฉาวที่ซิ่ง จยย.ไล่ทุบรถกู้ชีพและใช้ขวานขี่ไล่ฟันกระจกจนแตก เนื่องจากจากไม่พอใจถูกรถกู้ชีพบีบแตรเตือน ขณะทั้งคู่ขี่ จยย.เปลี่ยนเลนกะทันหัน โดยตอนนี้ชุดสืบสวนจังหวัดได้หิ้วตัวผู้ก่อเหตุไปสอบปากคำที่ บก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต หลังควบคุมตัวได้ที่ อ.กะทู้ ซึ่งทุกคำพูดจะถูกใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีเอาผิด รวมทั้งรายงานต่อผู้บังคับบัญชาระดับผู้ใหญ่เพื่อแถลงข่าวอีกครั้ง ขณะเดียวกันชาวบ้านที่ทราบข่าวก็ต่างชื่นชมที่ตำรวจทำงานไวและต่างเช็กสถานที่ว่าตำรวจจะเอาตัวไปแถลงข่าวที่ใด เนื่องจากจะเดินทางไปดูหน้าทั้งคู่ให้ชัดๆ


จากนั้น พ.ต.อ.ประวิทย์ ได้ควบคุมตัว นายซากิ๊บ หรือกิ๊บ ยอมใหญ่ อายุ  22 ปี และนายสุทธิ หรือเบนซ์ ศรีพูล อายุ  29 ปี ทั้งคู่เป็นชาว ชาว จ.ตรัง กลับไปตรวจค้นที่บ้านเช่าใน ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต เพื่อหาสิ่งผิดกฎหมาย ปรากฎว่าพบของกลางหลายอย่าง อาทิ ชุดเสื้อผ้าและหมวกที่สวมใส่วันนั้น รวมทั้งขวานที่ใช้จามรถด้วย นอกจากนี้ยังพบอุปกรณ์เสพกัญชา อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก พร้อมกระสุนปืน 2 นัด ระเบิดตะปูที่ประดิษฐ์เองอีก 1 ลูก เเละรถ จยย.ฮอนด้าเวฟ ทะเบียน 1 กถ 3966 ตรัง ที่ใช้เป็นยานหาพนะ

เบื้องต้น นายกิ๊บและนายเบนซ์ ให้การสารภาพว่า ได้กระทำการดังกล่าวตามคลิปจริง เนื่องจากไม่พอใจที่ถูกถูกรถกู้ชีพบีบแตรไล่ เพราะปกติก็ไม่ค่อยชอบเสียงแตรอยู่แล้ว ยืนยันว่าไม่ได้ตั้งใจ เป็นเหตุเฉพาะหน้าที่ไม่ได้ตระเตรียมการมาก่อนแน่นอน จากนั้นตำรวจ สภ.วิชิต ได้แจ้งข้อหา “ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ของผู้อื่นหรือผู้อื่นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วยและทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือความตกใจ โดยการขู่เข็ญ” พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมในฐานความผิด มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองด้วย.