ข่าว'พระมหาไพรวัลย์'ฉะยับ! ปมชาไข่มุก'เกศาพระพุทธเจ้า' - kachon.com

'พระมหาไพรวัลย์'ฉะยับ! ปมชาไข่มุก'เกศาพระพุทธเจ้า'
ข่าวประจำวัน

photodune-2043745-college-student-s

จากกรณีร้านเครื่องดื่มเปิดใหม่ในประเทศฟิลิปปินส์ ออกไอเดียผุดชาไข่มุก “พระเกศา” แถมมีมาสคอตพระพุทธและน้องวัว เต้นโชว์แบบจัดเต็มบริเวณหน้าร้านเพื่อเรียกลูกค้า จนได้รับความสนใจอย่างมาก ทางด้านชาวเน็ตชาวไทยที่นับถือศาสนาพุทธไม่เห็นด้วย มองว่าไม่เหมาะสม เพราะรู้สึกหดหู่กับไอเดียและการทำการตลาดของเจ้าของร้านนี้เป็นอย่างมาก กลายเป็นที่วิจารณ์ทั่วสังคมโซเชียลฯ


เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 18 พ.ค. พระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ ได้ให้ข้อคิดผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า บางทีเราก็แอบคิดว่า เราอยากเห็นเสรีภาพในเชิงสร้างสรรค์ที่มีต่อศาสนาและความเชื่อมากกว่านี้ อย่างน้อยก็มากกว่าที่เห็นในหลายกรณี บางทีเราก็หลงคิดไปว่าการปล่อยเลยตามเลย การไม่ตั้งคำถามสักนิด หรือการไม่เดือดร้อนและไม่ยึดติดต่อสัญลักษณ์ทางศาสนาอะไรเลย ทำให้เราดูเท่และเป็นผู้หลุดพ้น หลายครั้งเราก็เผลอเหยียดเพื่อนร่วมสังคมคนอื่นโดยไม่ตั้งใจนะ หลายครั้งเราก็เมินเฉยหรือลดทอนและเหมารวมความรู้สึกของพวกเขา เรากลบเกลือนสิ่งเหล่านี้ กลบเกลื่อนมุมมอง กลบเกลื่อนเสียงสะท้อนและความเห็นต่างด้วยความสะใจและความตลกขบขันของเรา ซึ่งในสังคมสมัยใหม่นอกจากการคาดหวังที่จะเห็นความเปิดกว้างทางความเชื่อแล้ว เราอาจยังต้องการที่จะได้เห็นความเข้าอกเข้าใจความเคารพให้เกียรติทั้งต่อศาสนาและความเชื่อหรือ แม้แต่วิถีการปฏิบัติที่ต่างกันของผู้คนบนโลกใบนี้อีกด้วย
 
"เราไม่อยากเห็นการล้อเลียนที่ลึก ๆ แล้วมาจากความรู้สึกเหยียดทางความเชื่อของคนกลุ่มหนึ่งบนโลกใบนี้ พร้อมกันนั้นเราก็ไม่อยากเห็นความบ้าคลั่ง ความอาฆาตแค้นที่พร้อมจะใช้ความรุนแรงเพื่อปกป้องความเชื่อของคนอีกกลุ่มหนึ่งบนโลกใบนี้เช่นกัน"


พระมหาไพรวัลย์ ยังตั้งคำถามกลับด้วยว่า แล้วทำอย่างไรเราจึงจะไม่ล้ำเส้นระหว่างกัน ทำอย่างไรคนที่นับถือศาสนาต่างกันจะเคารพนับถือกันได้ เข้าอกเข้าใจกันได้ ทำอย่างไรคนมีศาสนาจะไม่ดูถูกคนไม่มีศาสนา ทำอย่างไรคนไม่มีศาสนาจะไม่เห็นศาสนาหรือความรู้สึกของคนที่นับถือศาสนาเป็นสิ่งที่มีไว้สำหรับการล้อเลียน ในบรรดาความขัดแย้งชิงชังความแบ่งแยกดูแคลน หากไม่นับเรื่องเชื้อชาติแล้ว ศาสนายังคงเป็นสิ่งต้น ๆ ที่พร้อมจะนำพาผู้คนไปสู้การทำร้ายและเข่นฆ่ากันได้เสมอ ลึก ๆ แล้ว อาตมาอยากเห็นศาสนาถูกนำเสนอในรูปแบบใหม่ ๆ อาจเป็นศิลปะเป็นการ์ตูนหรือภาพยนต์อะไรก็ได้เชิงสร้างสรรค์และสอดแทรกแง่มุมความคิดความวิจารณ์ที่แหลมคม ไม่ใช่เพียงแค่การล้อเลียนหรือการมองเป็นของตลกขบขันอย่างที่เห็นได้ดาษดื่นในปัจจุบัน
 
"เราอาจรู้สึกดี รู้สึกชอบที่ได้เห็นมาสคอตแต่งตัวเป็นพระพุทธเจ้าเต้นส่ายไปส่ายมา รู้สึกชอบรู้สึกดีที่ได้กินชาไข่มุกสักแก้ว ซึ่งมีรูปพระพุทธเจ้ากลับหัวอยู่บนแก้วนั้น ในแต่ขณะเดียวกันก็อาจมีใครสักคนรู้สึกหดหู่กับมาสคอตที่กำลังล้อเลียนศาสดาของพวกเขา รู้สึกไม่สบายใจ เมื่อเห็นแก้วชาไข่มุกที่มีรูปพระพุทธเจ้าถูกทิ้งลงในถังขยะพร้อมกับของปฏิกูลอื่น ๆ แก้วแล้วแก้วเล่า" พระมหาไพรวัลย์ ระบุไว้ให้แง่คิด.
 
ขอบคุณภาพ : @sam_16084