ข่าวเห็นแขนผช.ติดโปรไฟล์เมีย แค้นบีบคอลูกชายอัดคลิปขู่ - kachon.com

เห็นแขนผช.ติดโปรไฟล์เมีย แค้นบีบคอลูกชายอัดคลิปขู่
ข่าวประจำวัน

photodune-2043745-college-student-s
จากกรณีที่มีผู้ใช้เพจเฟซบุ๊ก ชื่อ “Pavina DamSa-nguan” ได้โพสต์คลิปวีดีโอพ่อกำลังทำร้ายลูกชายวัย 4 ขวบ ด้วยการบีบคอและตบเข้าที่ศีรษะอย่างรุนแรง จนลูกร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวด พร้อมข้อความระบุว่า “ผู้ชายคนนี้ไม่สมควรเป็นพ่อของใครไม่ว่าเรื่องจะเกิดจากอะไร เด็กน้อยที่ไร้เดียงสา..ไม่สมควรเป็นเหยื่ออารมณ์ของใครมันไม่มีวุฒิภาวะอะไรทั้งสิ้น ฉันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด" ทำให้เกิดการะแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์

ความคืบหน้า เมื่อวันที่ 18 พ.ค. ร.ต.ต.ศรีธาตุ หล้าขวา รอง สวป.สภ.ทะเมนชัย อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ เปิดเผยว่า ได้รับแจ้งเรื่องจากชาวโซเชียลมีเดีย ว่า มีพ่อกำลังทำร้ายลูก เกรงว่าเด็กจะได้รับอันตราย จึงรุดไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียวอยู่ในท้องที่ หมู่ 17 บ้านหนองขุนปราบน้อย ต.เมืองแฝก อ.ลำปลายมาศ พบ นายกิติพงษ์ (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี เจ้าของบ้าน ซึ่งเป็นพ่อของเด็กที่ปรากฏอยู่ในคลิป จึงได้ทำการสอบปากคำเกี่ยวกับกรณีการทำร้ายลูกชาย

โดย นายกิติพงษ์ ยอมรับว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 12 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งตนอาศัยอยู่กับลูก 3 คน ส่วนเด็กที่ปรากฏอยู่ในคลิปที่ถูกทำร้าย เป็นลูกชายตนเล็กอายุ 4 ขวบ ส่วนภรรยาเดินทางไปทำงานที่เกาหลีใต้ได้ประมาณปีเศษ และได้นัดหมายว่าจะกลับมาอยู่พร้อมหน้าเป็นครอบครัวกันอีกครั้งในช่วงหน้าหนาวที่จะถึงนี้ แต่เมื่อใกล้กำหนดที่จะกลับบ้าน ภรรยาได้เปลี่ยนภาพโปรไฟล์เฟซบุ๊ก และตนเห็นแขนคนอื่นติดมาในภาพ เมื่อสอบถามก็ทะเลาะกันทุกครั้ง ประกอบกับภรรยาและแม่ยายพูดในลักษณะจะให้เลิกรากับตน จึงน้อยใจและโทรศัพท์ไปหาภรรยา แต่กลับถูกต่อว่าจนเกิดการทะเลาะกันทางวีดีโอคอล

นายกิติพงษ์ ให้การอีกว่า ตนจึงตัดสินใจถ่ายคลิปวีดีโอจากโทรศัพท์ระหว่างทำร้ายลูกคนเล็กแล้วส่งให้ภรรยาดู เพื่อขู่หากไม่กลับบ้านอาจจะทำร้ายลูกทั้ง 3 คน เพราะอยากให้ภรรยากลับบ้านตามกำหนดที่ตกลงกัน จนกระทั่งมาทราบว่าคลิปได้ถูกเผยแพร่ออกไปบนโลกออนไลน์ และขอยอมรับผิดในสิ่งที่ทำไป ก่อนหน้านี้ตนเคยคิดอยากฆ่าตัวตาย แต่ยังสงสารลูก ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำความเข้าใจกับ นายกิติพงษ์ ถึงข้อกฎหมาย พร้อมกับให้คิดสงสารลูกที่ไม่รู้เรื่องปัญหาพ่อแม่ ก่อนจะลงบันทึกตกลงว่าจะไม่ก่อเหตุในลักษณะนี้อีก.