"เพื่อนโชค"เงียบทั้งอำเภอ ตร.หวั่นอาจโดน"เอาคืน"
ข่าวประจำวัน
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 14 พ.ค. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบที่กองบังคับการตรวจภูธรจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อติดต่อสัมภาษณ์ผลสอบ ฯกับทาง พล.ต.ต.ฐากูร เนตรพุกกณะ ผบก.ภ.จ.นครศรีธรรมราช แต่ปรากฏว่าทางผู้การ ฯ ติดภารกิจ อย่างไรก็ตามพยายามจะสอบถามผลสอบกับทางนายตำรวจระดับผู้บังคับบัญชาหลายนายในกองบังคับการ ฯแต่ไม่มีนายตำรวจคนใดให้ข้อมูล อ้างว่าหากให้สัมภาษณ์จะเข้าข่ายผิดวินัย อาจถูกผู้บังคับบัญชาลงโทษได้ ในขณะที่บนชั้นสองของกองบังคับการฯ ซึ่งเป็นห้องที่คณะกรรมสอบสวนจะทำการสอบ ร.ต.อ.ไพศาล ใจห้าว รอง สว.จร.สภ.ทุ่งใหญ่ หัวหน้าชุด ส.ต.ท.ธีระพงษ์ เพชรจันทร์ทอง ส.ต.ต.เอกพล จุ้ยส่องแก้ว ตำรวจจราจร สภ.ทุ่งใหญ่ ทั้ง 3 นาย ที่อยู่ในเหตุการณ์ตามคลิป
ผู้สื่อข่าวรอสัมภาษณ์ผู้การ ฯ เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น และพยายามจะภ่ายภาพการนำตัวตำรวจจราจร สภ.ทุ่งใหญ่ ทั้ง 3 นายมาสอบสวน แต่ปรากฏว่าถูกนายตำรวจคนหนึ่งเข้ามาสั่งห้ามบันทึกภาพตำรวจทั้ง 3 นาย จนในที่สุดทางคณะกรรมการ ฯตัดสินใจย้ายสถานที่สอบสวนฯไปที่ ศปก.สภ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช แทน เพื่อหลีกเลี่ยงการพบกับผู้สื่อข่าว นอกจากนี้ยังเรียกตำรวจอีก3 นายที่อยู่ในเหตุการณ์ไปสอบด้วย ทั้งนี้ยังไม่มีการเปิดเผยผลการตรวจสอบ และสอบสวนใด ๆ ส่วนผลสอบสวนตำรวจทั้งหมดคาดว่าต้องใช้เวลาอีกไม่เกิน 7 วัน จึงจะสรุปผลแล้วส่งให้ทาง ผบช.ภ.8 เพื่อดำเนินการตามขั้นตอน และจะเป็นผู้แถลงข่าวสรุปผลการสอบสวนในเรื่องนี้
ส่วนที่ สภ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช หลังจาก ผบช.ภ.8 มีคำสั่งแต่งตั้งมีคณะกรรมกาสอบสวนในเรื่องนี้ และมีแนวโน้มว่าจากกระแสโจมตี พ.ต.อ.โชคดี รักษ์วัฒนพงษ์ ผกก.อย่างหนักในช่วงแรก ๆ แต่หลังจากเวลาผ่านมาระยะหนึ่ง กระแสเริ่มตีกลับ มีคนเข้าใจ-เห็นใจ ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ และเริ่มออกมาชี้ความผิดของสองตำรวจจราจรเพิ่มมากขึ้น โดยมองว่าเป็นต้นเหตุที่ทำให้เรื่องลุกลามบานปลายใหญ่โตจนผู้บังคับบัญชาทุกระดับพลอยได้รับความเดือดร้อนตามไปด้วย โดยตำรวจทั้งโรงพักนิ่งเงียบไม่มีการหยิบยกเรื่องดังกล่าวมาพูดคุยกันอีก ขณะที่ พ.ต.อ.โชคดี ยังคงปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ และไม่ขอให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแต่อย่างใด
ขณะที่บรรยากาศร้านน้ำชาโกคลาย ข้าง สภ.ทุ่งใหญ่ จุดศูนย์รวมของชาวบ้าน ข้าราชการ และผู้คนทั่วไปที่มานั่งกินกาแฟจำนวนมากทุกวัน หลังที่เกิดเรื่องจนมีการหยิบยกเรื่องนี้มาวิพากวิจารณ์พูดคุยกันอย่างสนุกสนานช่วงแรก ปรากฏว่าตอนนี้ทุกคนต่างไม่คุยเรื่อง“เพื่อนโชค” เหมือนวันก่อน เนื่องจากเริ่มเข้าใจ และเห็นใจกับทุก ๆ ฝ่ายในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หลังจากที่หลายฝ่ายโดยเฉพาะนักกฎหมายชื่อดังระดับประเทศออกมาชี้ผิด-ชี้ถูกของทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะการนำคลิปเหตุการณ์มาเผยแพร่ในโลกโซเชียลฯที่เข้าข่ายผิดกฎหมายข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ หากเปรียบเทียบความผิดฝ่ายตำรวจน่าจะผิดหนักกว่าฝ่ายอธิบดีศาลทุจริต ฯภาค 8 ทุกคนจึงเฝ้ารอฟังคำตัดสินของกรรมการสอบสวนแต่ละฝ่ายว่าจะสรุปออกมาชัดเจนอย่างไร.