2เศรษฐีจัดงานศพตูบสุดรัก สร้างสุสานเก็บร่างในบ้าน
ข่าวประจำวัน

เมื่อวันที่ 11 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีเพจเฟซบุ๊กใช้ชื่อว่า "โจโฉ" ได้โพสต์ภาพพร้อมข้อความว่า เฟซบุ๊ก "aoy apache" หรืออ้อย อาปาเช่ ได้โพสต์ภาพการจัดงานศพให้กับสุนัขพันธุ์ปั๊ก ซึ่งขั้นตอนและวิธีการเสมือนการตั้งศพเพื่อสวดพระอภิธรรมศพให้กับมนุษย์ทุกประการ เขียนบรรยายข้อความเอาไว้ว่า "ร่วมงานไว้อาลัยสิ่งที่รักที่หวงที่สุด..ในครอบครัวสมบูรณ์ทรัพย์ "น้องยูโร" ร่วมบุญกุศลให้น้องยูโร...พี่ตูนทำบุญให้วัดรางหมัน 5 ล้านบาท และมอบเงินให้มูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ อีก 1 แสนบาท เพื่อนำไปซื้ออุปกรณ์ดำน้ำ เพื่อเป็นสาธารณกุศล เพื่อส่งให้น้องยูโรไปอยู่ในภพภูมิที่ดี....ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าความรักครับ" ซึ่งสร้างความสนใจและแปลกใจให้กับประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรี เป็นอย่างมาก
ทั้งนี้ สถานที่การตั้งศพเพื่อสวดพระอภิธรรมให้กับ น้องยูโร อยู่ภายในบ้านเลขที่ 111 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ไปถึงพบบ้านหลังดังกล่าวเป็นคฤหาสน์หรูหลังขนาดใหญ่ ปลูกอยู่ในเนื้อที่ที่กว้างขวาง บริเวณโดยรอบจัดเป็นสวนหย่อมได้อย่างสวยงาม โดยนายพรพิทักษ์ หรือเสี่ยตูน และคุณนภัสนันท์ หรือคุณนิ สมบูรณ์ทรัพย์ สองสามีภรรยา เจ้าภาพการจัดงานศพ เล่าถึงความเป็นมาในการจัดงานพิธีสวดพระอภิธรรมศพให้กับ น้องยูโร สุนัขพันธุ์ปั๊ก ให้ฟังว่า เรานำน้องยูโร มาเลี้ยงตั้งแต่มีอายุได้เพียงแค่ 20 วัน จนกระทั่งน้องยูโรได้เสียชีวิตลงในวัย 13 ปี หากจะเปรียบอายุของคนกับสุนัขก็เท่ากับว่าน้องยูโรมีอายุยืนถึง 91 ปี ( 1 คูณ 7 ปี) โดยตลอดระยะเวลา 13 ปีที่ผ่านมา ครอบครัวของเรามีความผูกพันกับน้องยูโร โดยไม่เคยคิดว่าน้องยูโรเป็นอย่างอื่นนอกจากคิดว่าเป็นคนและเรารักน้องยูโรเหมือนลูกคนหนึ่ง เวลานอนเราก็นอนอยู่บนเตียงด้วยกัน เรียกได้ว่าเรานอนหนุนหมอนคนละครึ่งใบเลยก็ว่าได้ ถามว่าเราสองคนมีความผูกพันกับน้องยูโรมากน้อยแค่ไหน ตอบได้เลยว่าเรามีความผูกพันกับน้องยูโรมากกว่าลูกเสียอีก เพราะลูกต้องไปเรียนหนังสือ ทำให้เราสามีภรรยาต้องอยู่บ้านกันเพียงลำพังสองคน พูดกันง่ายๆนอกจากน้องยูโร จะนอนเตียงเดียวกันกับเราแล้ว น้องยูโรยังกินข้าวกับเราสองคนบนโต๊ะเดียวกันอีกด้วย เพื่อนฝูงทุกคนที่มาเยี่ยมที่บ้านต่างก็รู้กันเป็นอย่างดี หลังจากกินข้าวมื้อเย็นเสร็จก็จะขึ้นไปนอนพร้อมกัน ซึ่งเป็นเช่นนี้ทุกวันมาตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี เราสองคนจึงมีความผูกพันกับน้องยูโรเหมือนเป็นลูกในไส้จริงๆ


ด้วยความสำนึกของคน เมื่อเราเคยนอนอยู่ด้วยกันและกินอยู่ด้วยกันมาตลอดเวลา เมื่อวันหนึ่งต้องมีการพัดพรากจากกัน ถามว่าความรู้สึกของคนเมื่อมีการพัดพรากจากกันจะมีความรู้สึกอย่างไร ก็ต้องบอกเลยว่าเราสองคนสามีภรรยา ยังรู้สึกทำใจไม่ได้ เราอยู่ด้วยกันเราก็มีความรัก เมื่อเขาจากเราไปแล้วเราจะทำอย่างไรดี เพราะเรารักเขาเหมือนลูก จึงคิดว่าเมื่อเราเกิดมาในศาสนาพุทธ เราจึงต้องการให้เขาได้ไปเกิดใหม่ในภูมิภพที่ดีๆ อะไรที่เราทำได้เราก็จะทำ ถามว่าจะให้เรานำไปฝังเหมือนกับคนที่รักสุนัขด้วยกันทั่วๆไปไหม คนอื่นอาจจะทำอย่างนั้น แต่ส่วนตัวของเราแล้ว น้องยูโร คือลูกของครอบครัวเราคนหนึ่ง จึงทำอย่างนั้นไม่ลงคอ เราสองคนสามีภรรยาจึงปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรกันดี เพราะความรักความผูกพันของเรามันยิ่งใหญ่เกินคำอธิบาย

ดังนั้นสิ่งที่เราทำให้กับน้องยูโร ในครั้งนี้ก็เพื่อต้องการให้ตัวตนของเขาได้รับในสิ่งที่ดีที่มีอยู่ในชาติหน้า คืนวันแรกที่น้องยูโรเสียชีวิตคือวันที่ 6 พ.ค.ที่ผ่านมา ครอบครัวของเราได้โทรไปปรึกษากับเจ้าอาวาสวัดประชาราษฎร์บำรุง หรือวัดรางหมัน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ที่เรานับถือมานาน เจ้าอาวาสได้แนะนำให้เราทำบุญกรวดน้ำไปให้ 3 เช้า และให้เราทำบุญสวดมนต์เย็น 3 วัน เราจึงทำตามคำแนะนำของท่านเจ้าอาวาสทุกอย่าง

ย้อนกลับไปเกี่ยวกับเรื่องการเก็บศพ ซึ่งก็มีคนแนะนำให้นำไปฝัง หรือแม้กระทั่งนำร่างน้องยูโรไปเผาก็มี แต่เมื่อเราทำไม่ลงคอ จึงตัดสินใจสร้างสุสานขึ้นมาภายในบริเวณบ้าน เพื่อเป็นที่เก็บร่างของน้องยูโร และเราคิดว่าในเมื่อน้องยูโรเขาเสียไปแล้ว เราก็ต้องการทำบุญเพราะเราสองคนภรรยาชอบทำบุญอยู่แล้ว โดยในพื้นที่มีมูลนิธิพิทักษ์กาญจน์ ที่ยังขาดแคลนอุปกรณ์เครื่องดำน้ำเพื่อค้นหาร่างของผู้สูญหาย ซึ่งจะต้องใช้เงินซื้ออุปกรณ์ชนิดดังกล่าวประมาณ 1 แสนบาท เราจึงทำบุญมอบเงินให้กับตัวแทนมูลนิธิฯ และหลังจากเสร็จงานนี้แล้ว เราสองคนภรรยาก็จะนำเงินไปทำบุญถวายให้กับท่านเจ้าอาวาสวัดรางหมันอีก จำนวน 5 ล้านบาท ทั้งหมดที่ทำนี้ ก็เพื่อทำบุญให้กับน้องยูโร โดยแท้จริง และทำด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ
ขอบคุณเพจเฟซบุ๊ก โจโฉ