ข่าวสาวหยดน้ำมันกัญชาใต้ลิ้น 1เดือนโรคSLEทุเลาไร้ปวด - kachon.com

สาวหยดน้ำมันกัญชาใต้ลิ้น 1เดือนโรคSLEทุเลาไร้ปวด
ข่าวประจำวัน

photodune-2043745-college-student-s

ยังคงเป็นประเด็นที่สังคมให้ความสนใจ สำหรับการปลอดล็อกกัญชาเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ โดยล่าสุดในงาน “พันธุ์บุรีรัมย์” ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เปิดให้ยื่นขอจดแจ้งนิรโทษกรรมครอบครองกัญชา รวมทั้งหมด 3 วัน มีจำนวนกว่า 10,000 คน แต่มีผู้ผ่านเกณฑ์การขอจดแจ้ง 4,397 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยมะเร็ง ซึ่งสามารถแจ้งได้ด้วยว่าต้องการใช้กัญชาทางการแพทย์ไปอีกนานเท่าใด โดยนพ.วิทิต สฤษฎีชัยกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ แจ้งว่าแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาปริมาณการใช้อย่างต่อเนื่องให้ด้วย ก่อนสิ้นสุดเวลานิรโทษกรรมในวันที่ 19 พ.ค.62

โดยคุณเก๋ (สงวนชื่อ-สกุลจริง) อายุ 36 ปี เป็นหนึ่งในผู้ที่มาขอจดแจ้ง และเดินทางมาจาก จ.สมุทรปราการ เปิดเผยว่า ตนมีสถานภาพเป็นผู้ป่วยโรค SLE หรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง ซึ่งรู้จักกันดีในชื่อ “โรคพุ่มพวง” ขณะที่อายุ 32 ปี จากน้ำหนักตัว 55 กก. หลังจากทราบว่าป่วยและรักษาตัวด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน น้ำหนักลดลงเหลือ 45 กก. โดยตลอดระยะเวลากว่า 4 ปี ตนหมั่นไปพบแพทย์เพื่อรักษาอาการกำเริบของโรค ทั้งนี้แพทย์ได้จ่ายยาสเตียรอยด์เริ่มจาก 1 เม็ดจนต้องทาน 6 เม็ด/วัน จนกระทั่งเพื่อนคนหนึ่งได้แนะนำว่า ทำไมไม่ลองใช้กัญชา ตนปฏิเสธทันทีเพราะกลัวผิดกฎหมาย ทว่าอาการของโรคได้ลุกลามทำให้เกิดโรคใหม่ “โรคไต” จึงตัดสินใจลองใช้น้ำมันกัญชาเมื่อปลายเดือนก.พ.62 จนถึงปลายเดือนมี.ค.62 ระยะเวลาเพียง 1 เดือนอาการดีขึ้น ไม่ปวดตามข้อ ไม่ปวดทรมาน ร่างกายไม่ปูดบวมต้องนอนร้องไห้ติดต่อกัน 2-3 วันเหมือนเช่นเคย


“หนูต้องกินยาสเตียรอยด์ทุกวัน ปกติชอบกินอาหารรสจัด ๆ ก็กินไม่ได้ แต่พอได้ลองใช้น้ำมันกัญชา อาการดีขึ้น มีเรี่ยวแรง ไม่ปวด ตัวไม่บวม สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้มากขึ้น ค่าเลือด ค่าอุจจาระ ค่าฉี่ ค่าไตดีขึ้น โดยหนูใช้น้ำมันกัญชาหยดใต้ลิ้นวันละ 1 หยดก่อนนอน หยอดละ 10 cc ขวดละ 1,000 บาท แต่ไม่ได้บอกหมอนะค่ะว่าใช้กัญชา หมอไม่สงสัยอะไร แค่ถามว่า ไปทำอะไรมา เพราะทุกอย่างโอเคขึ้น เหลือเพียงโปรตีนยังรั่วในไต” หญิงสาวรายนี้ กล่าวให้ฟัง

ศ.ดร.สิริวัฒน์ วงศ์ศิริ ราชบัณฑิต ราชบัณฑิตยสภา กล่าวว่า อยากให้เลิกคิดว่ากัญชาเป็นยาเสพติด ช่วงสมัยสงคราม กัญชาเองมีประโยชน์มหาศาล โทษมีน้อยมาก ทั้งด้านอาหารและยา มีสาร 2 ชนิดหลักที่ถูกนำมาใช้ทางการแพทย์ คือ สาร CBD (Cannabidiol) มีฤทธิ์ลดอาการคลื่นไส้อาเจียนและการบวมอักเสบของแผล และสาร THC (Tetrahydrocannabinol) มีคุณสมบัติช่วยให้ความรู้สึกผ่อนคลายและลดอาการปวด ซึ่งปัจจุบันสกัดเป็นน้ำมันกัญชาเพื่อนำสารทั้ง 2 ชนิดนี้มาใช้รักษาโรคต่าง ๆ อาทิ ลมชัก พาร์กินสัน แม้มะเร็งระยะสุดท้าย และ HIV


“ผมฝันไว้นานแล้ว อนาคตกัญชาจะเป็นสตาร์ทอัพแบบออนไลน์ดีกว่าถั่งเช่า จะทำให้ประเทศไทยและเด็กไทยสามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหารยุคใหม่ นำไปพัฒนาต่อยอดประกอบธุรกิจอีกหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นนำไปใช้ประกอบอาหาร เครื่องดื่ม ขนม ช็อกโกแลต ซอสปรุงรส ฯลฯ เด็กจะรวยแน่ ถ้าทำสตาร์ทอัพ ที่สำคัญลงทุนน้อย เป็นพืชเศรษฐกิจแสนล้าน สามารถส่งออกต่างประเทศได้กำไรมหาศาล เช่นเดียวกับที่ประเทศชั้นนำของโลกเริ่มลงมือกันแล้ว” ศ.ดร.สิริวัฒน์ กล่าวแนะนำ

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดวันที่ 23 เม.ย. มหาวิทยาลัยรังสิต จัดแถลงข่าวความสำเร็จของการวิจัยจากสารสกัดกัญชา ครั้งแรกที่ค้นพบสาร CBN ในกัญชาช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งปอด พร้อมโชว์ผลิตภัณฑ์นวัตกรรมต้นแบบจากสารสกัดกัญชา ได้แก่ 1.ยาเม็ดเวเฟอร์จากสารสกัดกัญชา 2.ยา “ประสะกัญชา” 3.น้ำมันกัญชา ที่ผ่านการควบคุมคุณภาพมาตรฐานสากล และ 4.แคนนาบินอลสเปรย์ฉีดพ่นในช่องปาก.


อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง...