สั่งปิดโรงงานทำบ้านลอยน้ำ สองผัวเมียยังหายล่องหน!
ข่าวประจำวัน
นายสุพจน์ กล่าวว่า ในส่วนความคืบหน้าของคดีนั้นยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด โดยใช้กฎหมายความมั่นคงในราชอาณาจักร ซึ่งมีโทษร้ายแรง จึงต้องใช้ความรัดกุมในการดำเนินการใดๆ ส่วนการขยายผลที่ต่อเนื่องกับการกระทำความผิดอื่นๆ เช่น การเข้าเมืองซึ่งทางสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้มีการเพิกถอนวีซ่าชายชาวต่างชาติดังกล่าวไปแล้ว ส่วนของอุตสาหกรรมจังหวัดซึ่งได้ไปตรวจสอบโรงงานที่มีการผลิตวัตถุลอยน้ำดังกล่าวนั้น พบว่าไม่มีการขออนุญาตในการจัดตั้งโรงงานแต่อย่างใด
“ส่วนการดำเนินการกับบริษัทที่เข้ามาเกี่ยวข้องในการผลิตวัตถุลอยน้ำทรง 8 เหลี่ยมนั้น เบื้องต้นมี 2 บริษัท ซึ่งมีการขออนุญาตจัดตั้งอยู่ในประเทศไทย แต่จะเกี่ยวข้องในด้านใดบ้างนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่มีประเด็นหนึ่งตรวจสอบพบว่าแล้ว คือ การจัดตั้งโรงงานโดยไม่ได้ขออนุญาต ซึ่งทางอุตสาหกรรมฯ ได้มีการแจ้งทางบริษัทให้ระงับการดำเนินการ เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป”
นายสุพจน์ ได้กล่าวถึงกรณีที่มีบริษัทเอกชนอีกแห่งหนึ่งออกมายอมรับว่าเป็นผู้ลงทุนก่อสร้างบ้านลอยน้ำดังกล่าวเอง โดยที่ 2 สามีภรรยานั้นเป็นเพียงอาสาสมัคร ว่า ประเด็นนี้ทราบเรื่องแล้ว และมีการหารือกันเบื้องต้นแล้ว แต่เนื่องจากเป็นประเด็นใหม่ก็คงต้องมีการสอบสวนขยายผลเพิ่มเติม เพื่อให้เกิดความชัดเจนก่อนที่จะแจ้งข้อกล่าวหาต่อไป แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบว่าบริษัทดังกล่าวขออนุญาตการจัดตั้งบริษัทในประเทศไทย แต่อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา รวมถึงการตรวจสอบว่าเป็นการหลอกลวงหรือไม่อย่างไร เพราะมีการโฆษณาชวนเชื่อในลักษณะการขายสินค้า โดยอ้างว่าการก่อสร้างอยู่นอกเขตและเป็นทะเลสากล เพื่อจูงใจให้คนมาซื้ออยู่อาศัยโดยอิสระ
อย่างไรก็ตามในส่วนของการเคลื่อนย้ายวัตถุลอยน้ำดังกล่าวกลับเข้ามายังฝั่งภูเก็ตนั้น นายสุพจน์ กล่าวว่า คงจะเป็นระยะเวลาอันใกล้นี้ ภายหลังจากกระบวนการยุติธรรมขับเคลื่อนไปแล้ว เพราะวัตถุลอยน้ำดังกล่าวเป็นของกลางที่ใช้ในการกระทำความผิดและยังกีดขวางทางน้ำ ซึ่งเป็นอันตรายต่อการสัญจรของทางการเดินเรือ โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนร่วมกันระหว่างจังหวัด ทัพเรือภาคที่ 3 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการดำเนินการส่วนนี้
ด้าน พล.ร.ต.กฤษณะ กุณฑียะ เสนาธิการทัพเรือภาคที่ 3 กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางทัพเรือภาคที่ 3 ได้มีการไปแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สภ.วิชิต โดยใช้มาตรา 119 ส่วนกรณีที่ถูกกล่าวหาหรือผู้เสียหายแจ้งว่าทางทหารหรือกองทัพเรือไปไล่ล่าเอาชีวิตหรืออื่นๆ นั้น ทางทัพเรือภาคที่ 3 ขอปฎิเสธว่าไม่เป็นความจริง โดยกองทัพเรือมีหน้าที่ทางทะเลเท่านั้น และดำเนินการไปตามอำนาจหน้าที่ ส่วนการหลบหนีหรือติดตามตัวและควบคุมตัวนั้น เป็นหน้าที่ของฝ่ายบ้านเมือง เช่น สภ.วิชิต, ตรวจคนเข้าเมือง เป็นต้น ในการดำเนินการ
ส่วนประเด็นที่มีข้อสงสัยเกี่ยวกับระยะที่พบวัตถุลอยน้ำนั้น พล.ร.ต.กฤษณะ ชี้แจงว่า จากการตรวจสอบโดยอากาศยาน และทางเรือ แจ้งเป็นตำบลที่แลดลองว่า อยู่ที่ 98 องศา 34.81 ลิปดา E และ 7 องศา 29.37 ลิปดา N ยืนยันว่าไม่มีการผิดเพี้ยน คือ อยู่นอกเขต 12 ไมล์ทะเล อยู่ในเขตต่อเนื่องทางทะเลของประเทศไทย อยู่ในเขต 200 ไมล์ทะเล ซึ่งเป็นเขตเศรษฐกิจจำเพาะของประเทศไทย โดยทหารเรือมีหน้าที่ในการดูแลรักษาผลประโยชน์ของชาติและอธิปไตยของชาติทางทะเล โดยมีหน้าที่ถึง 200 ไมล์ทะเล ไม่ใช่แค่ 12 ไมล์ทะเล ดังนั้นไม่ว่าจะอยู่ที่ 18 ไมล์ทะเลก็ยังอยู่ในอำนาจของกองทัพเรือในการรักษาผลประโยชน์ของชาติ
ส่วนของผู้แทนจากตำรวจตรวจคนเข้าเมือง กล่าวถึงการติดตามตัวชายชาวต่างชาติ และภรรยาคนไทย ซึ่งทราบว่ามีภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.ชัยภูมิ ว่า จากการที่ทางเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองฯ ได้เดินทางไปพบบุคคลทั้งสองตามชื่อที่พักที่แจ้งไว้ เพื่อยื่นเอกสาร เพื่อให้ทราบว่าเขาถูกเพิกถอนวีซ่า ปรากฏว่าไม่พบตัวทั้งสองแต่อย่างใด โดยพบเพียงแม่ของภรรยาที่เป็นคนไทย ซึ่งในส่วนของชายชาวต่างชาตินั้นได้มีการแจ้งเป็นบุคคลเฝ้าดูหรือแบล็กลิสไว้แล้ว หากมีการเดินทางเข้า-ออกตามเส้นทางปกติจะทำทราบตัวได้ และจะได้มีการดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งจากการตรวจสอบจนถึงปัจจุบันยังไม่เจอตัวแต่อย่างใด ทั้งการแจ้งเดินทางออกนอกประเทศและการแจ้งที่พัก หากเจอตัวก็สามารถควบคุมตัวได้ เพราะถือว่าเป็นบุคคลอยู่ในราชอาณาจักรที่การอนุญาตสิ้นสุดแล้ว เป็นความผิดตามมาตรา 81
เชื่อผัวเมียบ้านลอยน้ำยังอยู่ในพื้นที่ จ่อดำเนินคดีคนช่วย
"ทร."จ่อแจ้งหลายข้อหา "ผัว-เมีย"สร้างบ้านลอยน้ำ