หาน้ำผึ้งป่าหายปริศนา เชื่ออาถรรพณ์'เขานางนอน'บังตา
ข่าวประจำวัน
นางลำไย เล่าต่อไปว่า ขณะที่ นายป้อมลูกเขย ปีนต้นไม้ขึ้นไปเก็บรังผึ้งเอาน้ำหวานอยู่นั้น นายเล็กและนายเกษมสุข นั่งเฝ้าอยู่ที่ใต้โคนต้นไม้คอยส่งอุปกรณ์ขึ้นไปช่วยเหลือ ทั้ง 3 คนก็ช่วยกันเก็บรังผึ้งเอาน้ำหวานรังแรกสำเร็จ จากนั้นก็พากันมาเก็บรับผึ้งรังที่ 2 บนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ห่างจากรังแรก แต่ระหว่างที่ นายสอน กำลังเก็บรังผึ้งอยู่บนต้นไม้ ฝูงผึ้งจำนวนมากแตกรังบินว่อนวนเวียนทั้งด้านบนและโคนต้นไม้ จน นายเกษมสุข ถึงกับร้องเสียงหลงโอดโอย เสียงดังคล้ายคนตกใจกลัวอะไรสักอย่างสุดชีวิต พร้อมกับตะโกนว่า "กูไม่อยู่แล้ว" จากนั้นก็วิ่งหนีขึ้นเขาหายตัวไปกลางดึกตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ก็ยังไม่พบตัว ขณะที่ลูกเขยและเพื่อนบ้านช่วยกันหาอยู่พักใหญ่ก็ไม่พบ จึงกลับมาบอกให้ญาติๆช่วยตามหา และแจ้งเจ้าหน้าที่ช่วยระดมกำลังค้นหาตั้งแต่กลางดึกวานนี้ (14 เม.ย. )แต่ก็ยังไม่พบตัว
ส่วน นางนฤทัย กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เชื่อว่าน่าจะมีสิ่งลี้ลับอะไรบางอย่าง หรือไม่ก็เป็นเจ้าป่าเจ้าเขา หรือเจ้าแม่เขานางนอน มาปิดหูปิดตาหรือปิดบังอำพราง ไม่ให้คนที่มาช่วยเห็นตัวพ่อ หรือไม่ยอมปล่อยพ่อให้ออกมา จึงขอกราบสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยเปิดทางแสงสว่าง หากพ่อหรือทั้ง 3 คนทำไม่ดีไว้ขอให้เจ้าแม่นางนอนอภัยด้วย ขณะเดียวกัน ทางครอบครัวของ นายเกษมสุข ได้เชิญหมอไสยศาสตร์มาทำพิธีขอขมาบริเวณที่ นายเกษมสุข หายตัวไป โดยระหว่างที่กำลังทำพิธีอยู่นั้นได้มีฝนตกลงมา และมีร่างทรงเข้าสิงร่างของ นางลำไย พร้อมกับพาวิ่งขึ้นไปบนภูเขาที่ลาดชัน ก่อนจะไปหยุดอยู่ตรงที่เสื้อผ้าของ นายเกษมสุข ถอดทิ้งเอาไว้ โดยสิ่งของที่พบมีรองเท้าบูทสีเขียว 1 คู่ที่ นายสุขเกษม ใส่มา ไฟฉายคาดศีรษะ 1 ชุด และเสื้อ 2 ตัว สิ่งของที่พบอยู่ห่างขึ้นไปบนเนินสูงจากที่ทำพิธีประมาณ 100 เมตร แต่ตัว นายเกษมสุข ยังไม่พบ ขณะที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นเพราะอาถรรพณ์ของเจ้าแม่เขานางนอน ที่มีเรื่องเล่าขานกันมานานนับหลายชั่วอายุคน
ด้าน นายสิปปภาส สงทิพย์ นายก อบต.กรุงหยัน กล่าวว่า หากผลการค้นหาในวันนี้ยังไม่เจอตัว ก็จะมากางเต็นท์ตั้งศูนย์ให้ความช่วยเหลือกินนอนอยู่ในพื้นที่ เพื่อสั่งการวางแผนร่วมกันค้นหาจนกว่าจะเจอตัวผู้สูญหาย.