จี้ตร.ลงดาบเมาขับ=เจตนาฆ่า เชื่อยาแรงลดอุบัติเหตุได้
ข่าวประจำวัน
เมื่อวันที่ 12 เม.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ ได้ทำหนังสือถึงพล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เรื่องขอให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เมาแล้วขับ โดยระบุว่า เนื่องจากมูลนิธิเมาไม่ขับ ซึ่งเป็นองค์กรสาธารณะประโยชน์ ได้รับทราบทางสื่อต่างๆว่าทางพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้มีบัญชาให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เมาแล้วไปขับรถชนผู้อื่นถึงแก่ความตายว่าเป็นการกระทำโดยเจตนา เล็งเห็นผลได้ว่าจะไปทำร้ายผู้อื่น ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 11 เม.ย.เกิดคดีอาญามีผู้ขับรถเมาสุราแล้วไปชนคนเสียชีวิต 2 ศพ ซึ่งอยู่ในเขตอำนาจสอบสวนของท่าน ทางมูลนิธิเมาไม่ขับ จึงขอกล่าวโทษว่ามีผู้กระทำความผิดตามที่ พล.อ.ประวิตร ได้มีบัญชาไว้ จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการ
นพ.แท้จริง กล่าวกับ "เดลินิวส์ออนไลน์"ว่า การที่รัฐบาลออกมาตรการเพิ่มโทษกรณีเมาแล้วขับรถชนคนตาย เป็นเจตนาฆ่านั้น เชื่อว่าจะทำให้คนที่เมาแล้วคิดจะขับรถ เกิดความกลัวแน่นอน คือถ้าเราฟ้องเบาฟ้องประมาท เขาก็รู้ว่าโทษจำคุกรอลงอาญา โทษปรับก็อาจจะลดค่าปรับให้ แต่ถ้ามีการฟ้องไปถึงเจตนา ตรงนี้ศาลอาจจะพิจารณาลงโทษโดยไม่รอลงอาญา ก็จะโดนหนัก ซึ่งถ้าคนมองว่าไม่ใช่โทษประมาท โทษเจตนาฆ่าก็ไม่กล้า ก็จะขึ้นรถแท็กซี่กลับบ้าน ทั้งนี้ตนคิดว่าจะลดอุบัติเหตุได้แน่นอน ซึ่งมาตรการดังกล่าวรัฐบาลจะใช้เป็นกฎหมายตลอดไป โดยเริ่มต้นใช้ช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้
นพ.แท้จริง กล่าวว่า อย่างไรก็ตามกรณีที่เสี่ยคนหนึ่งขับรถชนรองผกก.ป.และภรรยาเสียชีวิตนั้นคุณรู้ว่าคุณเมา แต่ก็ยังฝืนขับ เจตนาฝ่าฝืนกฎหมายชัดเจน คุณเล็งเห็นผลว่าอาจจะฆ่าคนตาย และก็ฆ่าจริงๆไม่ใช่ฆ่าคนเดียว ฆ่าสองคนและอาจจะฆ่าสามคน เพราะขณะนี้อีกคนนอนอยู่ในห้องอีซียู ขณะที่ตนเองไม่เป็นอะไรเลย ดังนั้นจะมาอ้างว่าไม่เจตนาไม่ได้ และกรณีนี้จะเป็นกรณีแรกที่โดนข้อหาเจตนาฆ่า
ซึ่งจะเห็นได้ว่าขณะนี้หลายประเทศก็ให้เมาแล้วขับชนคนตายเป็นเจตนาฆ่า แต่อย่างประเทศไต้หวันตอนนี้จะเอาโทษถึงประหารชีวิต และเป็นประเทศแรก ขณะนี้ร่างกฎหมายอยู่ในสภาฯแล้ว