โพลชี้สงกรานต์62คนหวังเห็นเศรษฐกิจดี ไร้ความขัดแย้ง
ข่าวประจำวัน
เมื่อวันที่ 11 เม.ย. ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยซูเปอร์โพล (SUPER POLL) นำเสนอผลสำรวจภาคสนาม เรื่อง โพล ปีใหม่ไทย สงกรานต์ 62 กับความหวังของคนไทย กรณีศึกษาประชาชนคนวัยทำงานทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,206 ตัวอย่าง ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) ระหว่าง วันที่ 5 – 11 เมษายน พ.ศ. 2562 ที่ผ่านมา
เมื่อสอบถามประชาชนถึงความหวังที่จะเห็นเกิดขึ้นเพื่อชาติบ้านเมืองในปีใหม่ไทย สงกรานต์ปีนี้ พบว่า อันดับแรกหรือร้อยละ 37.4 ระบุ หวังเห็นเศรษฐกิจดี มีกินมีใช้ไม่ขัดสน รองลงมาคือร้อยละ 32.6 ระบุ คนไทยรักความสงบ ไม่วุ่นวาย ไม่ขัดแย้งรุนแรง ร้อยละ 26.1 ระบุ มีคนดีมาปกครองบ้านเมือง ร้อยละ 22.9 ระบุ คนไทยรักกัน และร้อยละ 19.2 ระบุหวังว่าจะมีความปลอดภัย
ที่น่าพิจารณาคือ เมื่อถามประชาชนถึงความหวังที่จะเห็นเกิดขึ้นกับครอบครัวในปีใหม่ไทย สงกรานต์ปีนี้ พบว่า เรื่องปากท้องภายในครอบครัวไม่ได้มาอันดับแรก แต่ที่มาอันดับแรกในความหวังที่จะเห็นเกิดขึ้นในครอบครัวอันดับแรก หรือร้อยละ 38.3 คือ มีเวลาอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า รองลงมาคือ ร้อยละ 36.3 ระบุ มีความรักกัน ไม่ทะเลาะกัน ร้อยละ 35.5 ระบุ มีกินมีใช้ไม่ขัดสน ร้อยละ 31.3 ระบุ ครอบครัวอบอุ่น และร้อยละ 30.8 ระบุ ครอบครัวปลอดภัย ตามลำดับ
ที่น่าสนใจคือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 97.9 เห็นด้วยต่อการรณรงค์ให้คนไทยรักสามัคคีกันเพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง ในขณะที่เพียงร้อยละ 2.1 ไม่เห็นด้วย
ผอ.ซูเปอร์โพล กล่าวว่า ผลสำรวจครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่า ถ้าเป็นเรื่องของประเทศชาติประชาชนกำลังจดจ่ออยู่ที่เรื่องของเศรษฐกิจปากท้องการที่ประชาชนมีกินมีใช้ไม่ขัดสนเป็นอันดับแรกและความหวังอยากเห็นคนไทยรักความสงบไม่วุ่นวาย ไม่ขัดแย้งรุนแรง ในขณะที่ความหวังที่ต้องการเห็นเกิดขึ้นในครอบครัวที่มาอันดับแรกกลับเป็นเรื่องเวลาการอยู่ร่วมกันพร้อมหน้า และความรักกันไม่ทะเลาะกันในครอบครัว ส่วนเรื่อง มีกินมีใช้ไม่ขัดสนตกไปอยู่เป็นความสำคัญอันดับสาม นอกจากนี้คนไทยส่วนใหญ่ทุกหมู่เหล่า ทุกกลุ่มไม่ว่ากลุ่มสีใด กลุ่มการเมืองใดเกือบทุกคนเห็นด้วยกับการรณรงค์ให้ชาติบ้านเมืองสงบสุข
“ดังนั้น ผู้มีอำนาจอย่ามองคนไทยแบบเหมารวม (Stereotype) อย่าออกมาพูดยั่วยุ อย่ามีอคติแบบยกเข่ง เพราะจะทำให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อลำบาก การแก้ปัญหาจึงควรแก้เป็นราย ๆ ไป เพื่อให้ประเทศชาติเดินต่อไปได้ดี” ดร.นพดล กล่าว