'สาวใจงาม'ช่วยนักท่องเที่ยว ตกไฟล์ทจนได้กลับประเทศ
ข่าวประจำวัน
จากกรณีโลกออนไลน์เกิดกระแสแชร์ชื่นชม ภายหลังจากที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก@Kulrapat Phaenuwan ระบุ "คือนทท.ต่างชาติ2คน ขับรถจอดอยู่กลางเลนชั้น4 คุยกับจราจรก็คุยไม่รู้เรื่อง เราเลยเขาไปคุยเเละสอบถาม ทั้งคู่ต้องการคืนรถเช่า เเต่วนมา2ชม.เเล้ว ก็ไม่เจอ จนตกไฟล์ทไปเรียบร้อย นางจะร้องไห้ไม่รู้จะทำไงเลยบอกให้ใจเย็นๆ" หลังจากนั้นตนเองจึงเข้าไปช่วยเหลือตั้งแต่ขับพาไปเติมน้ำมัน พาไปคืนรถเช่า ช่วยเรื่องติดต่อตั๋วเครื่องบิน จนนักท่องเที่ยวทั้งคู่สามารถเดินทางกลับประเทสสเปนได้อย่างปลอดภัย โดยภายหลังจากที่เรื่องราวดังกล่าวแพร่หลายออกไป ได้กลายเป็นกระแสแชร์ชื่นชมหญิงสาวคนดังกล่าวอย่างล้นหลามนั้น
โดยล่าสุด เมื่อวันที่ 10 เม.ย. ผู้สื่อข่าว "เดลินิวส์ออนไลน์" ได้พูดคุยกับ นส.กุลรภัส แพณุวรรณ อายุ 27 ปี ล่ามแปลช่วยเหลือตำรวจท่องเที่ยว ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ หญิงสาวเจ้าของโพสต์ดังกล่าว เผยว่า เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 19.00 น. ขณะที่ไปส่งพี่สาวบริเวณนอกชานชาลาอาคารผู้โดยสารขาออก ชั้น4 ก็พบรถยนต์โตโยต้ายาริส จอดเปิดไฟฉุกเฉินที่ด้านนอกอยู่ ซึ่งตอนนั้นสังเกตเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติผู้หญิง พยายามพูดคุยกับเจ้าหน้าที่จราจรด้วยท่าทีตื่นตระหนก จึงตัดสินใจเข้าไปสอบถาม จนทราบว่าต้องการคืนรถเช่าที่เช่าที่ขับมาจากจ.เชียงราย แต่นักท่องเที่ยวชายหญิงทั้งคู่ หาจุดคืนรถไม่เจอ โดยขับวนมา 2 ชม.แล้ว อีกทั้งยังไม่สามารถติดต่อคอลเซ็นเตอร์ของบริษัทดังกล่าวได้ เกรงว่าจะไปไม่ทันไฟล์ทบินกลับประเทศ
พอเห็นท่าทีตื่นตระหนก อ่อนเพลียของทั้งคู่ ตนจึงขอเป็นคนขับรถแทนนักท่องเที่ยวชายพร้อมทั้งโทรไปถามทางบริษัทรับรถจนทราบว่าต้องไปคืนรถที่บัส เทอมินอล ด้านนอกไม่ใช่ในอาคารผู้โดยสารและต้องเติมน้ำมันคืน จึงพาทั้งคู่ไปเติมน้ำมันเสร็จแล้วก็ไปคืนรถในเวลา 19.35 น. ระหว่างนั้นเอง ก็ได้โทรเช็กประชาสัมพันธ์เพื่อสอบถามซึ่งได้ความว่าเคาน์เตอร์เพิ่งปิดเช็คอินไปตอน 19.20 น. ซึ่งนักท่องเที่ยวตกไฟล์ทเรียบร้อย หลังจากนั้นจึงพาทั้งคู่มาที่ออฟฟิศตำรวจท่องเที่ยว เพื่อประสานงานติดต่อกับทางห้องตั๋วของสายการบินให้กับนักท่องเที่ยวก็สามารถเปลี่ยนตั๋วได้ เเต่มีค่าใช้จ่ายทั้งหมดประมาณ 30,000 บาท ทั้งคู่จึงตกลงจองตั๋วกับสายการบินเดิม เที่ยวบิน 22.00 น. เพื่อกลับบาเซโลน่า ประเทศสเปนเป็นที่เรียบร้อย
"ก่อนไปทั้งคู่ได้ขอบคุณในความช่วยเหลือ เเละกอดลา 1 ครั้ง ทำให้เรารู้สึกตื่นตันใจที่ได้ช่วยเหลือทั้งคู่ แม้ก่อนหน้านี้ ด้วยหน้าที่จะทำให้เราได้ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวหลายคน แม้จะเป็นเคสที่มีการช่วยเหลือถูกส่งต่อมา จนรับรู้ว่าปัญหา ความลำบากของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่สามารถเดินทางกลับประเทศได้ เขามีความเดือดร้อนขนาดไหน แตกต่างจากครั้งนี้ ที่เราเจอเขากำลังเดือดร้อนอยู่ตรงหน้า ได้เข้าไปช่วยเหลือหลายๆอย่าง จนเขาสามารถเดินทางกลับประเทศได้อย่างโล่งอก คลายกังวล มันก็ทำให้เราอิ่มเอมใจในการได้ช่วยเหลือ อีกทั้งยังเป็นกรณีตัวอย่างให้น้องๆในออฟฟิศรวมไปถึงเด็กๆฝึกงานได้เห็นว่า หน้าที่ของเรามีประโยชน์และได้ช่วยเหลือคนได้มากขนาดไหน" นส.กุลรภัสกล่าวทิ้งท้าย..
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @Kulrapat Phaenuwan