เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 30 มี.ค.ที่บริเวณหน้าศูนย์การค้
าเซ็นทรัลเวิลด์ นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมหน่วยงานทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน ร่วมกิจกรรมปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน( 60+ Earth Hour2019) ลดการใช้พลังงาน ลดภาระให้โลก นำประชาชนร่วมใจนับถอยหลังปิดไฟ ระหว่างเวลา 20.30-21.30 น. ไปพร้อมกับ 7,000 เมืองของ 188 ประเทศทั่วโลก ประกาศเจตนารมณ์ลดใช้พลั
งงานและรักษ์สิ่งแวดล้อม แสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ให้ทุ
กภาคส่วน ประชาชน ตระหนักถึงภาวะโลกร้อน
นายจักกพันธุ์ กล่าวว่า ภาวะโลกร้อนสร้างผลกระทบนำมาสู่
โรคภัยต่างๆ มากมาย กทม.ได้ร่วมกิจกรรมปิดไฟครั้
งแรกในปี 2551 ต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 12 เพื่อให้ทั่วโลกรับรู้
ประเทศไทยตระหนักถึงการรักษ์สิ่
งแวดล้อม และในปีนี้มีอาคารต่างๆ ที่เข้าร่วมกิจกรรมมากถึง จำนวน 121 อาคาร กิจกรรมนี้เปรียบเสมือนสัญลั
กษณ์ที่แสดงถึงความร่วมมื
อลดภาวะโลกร้อนอย่างจริงจัง เช่นเดียวกับทั่วโลก ชี้การแก้ไขปัญหาโลกร้อนไม่ใช่
เพียงคนใดคนหนึ่ง ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกคน พร้อมเชิญชวนประชาชนใช้ไฟฟ้าเท่
าที่จำเป็น ถอดปลั๊กไฟทุกครั้งเมื่อไม่ใช้
งาน ปลูกต้นไม้ ใช้รถสาธารณะ ความร่วมมือเล็กๆ เมื่อทำเป็นจำนวนมากจะเป็นพลั
งลดปัญหาภาวะโลกร้อนได้อย่างยั่
งยืน
นายจักกพันธุ์ กล่าวต่อว่า จากข้อมูลของปีที่ผ่านมาพบว่
าการรณรงค์ปิดไฟ ปี 2561 เพียงวันเดียวลดการใช้กระแสไฟฟ้
าได้ถึง 2,002 เมกะวัตต์ ลดการเกิดคาร์บอนไดออกไซด์ 1,026 ตัน และสามารถลดค่าใช้จ่ายได้ 7.8 ล้านบาทนอกจากนี้ยังมีการปิดไฟในเชิงสั
ญลักษณ์ อาทิ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) ในพระบรมมหาราชวัง วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร เสาชิงช้า สะพานพระราม 8 และวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร รวมถึงองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน กว่า 500 แห่ง และบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่
เขตต่างๆ อีกทั้ง กทม.จะมีการปิดไฟถนนเขตละ 1 - 2 ถนน โดยปิดเท่าที่จำเป็นไม่ปิ
ดตลอดสาย