ข่าวหนุ่มเล่านาทีรู้ว่าลูก5ขวบ เป็น'มะเร็ง'ในวันเกิดตัวเอง - kachon.com

หนุ่มเล่านาทีรู้ว่าลูก5ขวบ เป็น'มะเร็ง'ในวันเกิดตัวเอง
ข่าวประจำวัน

photodune-2043745-college-student-s

จากกรณีโลกออนไลน์แชร์ภาพพ่อแม่ลูกครอบครัวหนึ่ง หลังสมาชิกเฟซบุ๊กชื่อว่า Nattapol Komolthon ซึ่งเป็นคุณพ่อได้โพสต์เรื่องราวที่ลูกชายกำลังเผชิญกับโรคร้ายอยู่ในขณะนี้ หลังทราบว่าลูกชายวัย 5 ขวบ ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวในวันเกิดของตัวเอง

เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 22 มี.ค. เดลินิวส์ออนไลน์ สอบถามไปยัง นายณัฐพล โกมลธร อายุ 39 ปี ช่างภาพอิสระ เปิดเผยว่า เรื่องดังกล่าวเป็นความจริง ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 28 ก.พ.-1 มี.ค.62 โดยตนได้ทราบข่าวร้ายในวันเกิดของตัวเอง (29 ก.พ.) เมื่อรู้ว่าลูกชายคนโต “น้องโทบี้” เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวแบบเฉียบพลัน แต่ก่อนหน้านี้ราว 8 เดือน ลูกชายซึ่งเรียนอยู่ชั้นอนุบาล 2 รร.อมาตยกุล ขาดเรียนและป่วยบ่อย ปวดตามข้อ เมื่อไปหาหมออาการที่เป็นน่าจะเป็นโรคไข้รูมาติก หมอจึงได้จ่ายยากดภูมิคุ้มกันให้ทานตามอาการ ซึ่งตนก็ไม่ได้คิดอะไร กระทั่งผ่านไป 8 เดือน จู่ๆ มีอาการไข้สูงโดยไม่ลด ต้องนอนโรงพยาบาล 2-3 วัน ปวดไปทั้งตัว เดินไม่ได้ อาเจียน ไข้สูง จึงได้เจาะไขกระดูกไปตรวจ ซึ่งผลที่ออกมาทำให้ทุกคนช็อก พบว่าลูกชายป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวแบบเฉียบพลัน วันนั้นเลยต้องมีน้ำตาแทน



“ตอนที่ภรรยาผมกลับไปเก็บเสื้อผ้า เขาหมดแรงตกบันไดกระดูกเท้าหัก 3 ท่อนต้องผ่าตัด ส่วนลูกชายก็ต้องให้เคมีบำบัดโดยด่วน ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก ๆ หมอบอกว่าโรคนี้พบได้ในเด็กถึง 70% (ลูคีเมียแบบเฉียบพลัน)ไม่เคยคิดเลยว่าโรคร้ายจะเกิดกับลูก ผมรับไม่ได้เขายังเด็กไร้เดียงสา ผมพยายามไม่ร้องไห้ กลั้นน้ำตาไม่ให้เขาเห็น เขาถามว่าพ่อร้องไห้ทำไม จึงบอกว่าพ่อซื้อข้าวกล่องมามันเผ็ด เขาก็ตอบว่าพ่อกินน้ำเยอะ ๆ จะได้หายเผ็ด ผมพูดไม่ออก แต่ต้องเข้มแข็ง จะอ่อนแอไม่ได้” ผู้เป็นพ่อ เผยความรู้สึกให้ฟัง

นายณัฐพล กล่าวอีกว่า คุณหมอได้แจ้งวิธีการรักษา และการดูแลลูกชาย เพราะสิ่งที่น่ากลัวคือผลจากการให้คีโม เกล็ดเลือดจะต่ำ ภูมิต้านทานตก ซึ่งจะเกิดภาระแทรกซ้อนได้ง่าย ผักสดทานไม่ได้เลย กับข้าวต้องปรุงเองทุกมื้อ รวมถึงการรักษาที่เป็นทางเลือกอื่นๆ เช่น เปลี่ยนถ่ายไขกระดูก ซึ่งมีผู้ประสงค์บริจาคกว่า 1.5 แสนคน จากสถิติจำนวน 5 หมื่นคนจะตรงกัน 1 คน แต่อย่างไรก็ตามค่าใช้จ่ายก็ประมาณ 7 หลัก โดยล่าสุดลูกชายเพิ่งกลับบ้านได้ 1 วันแล้ว อาการดีขึ้นตามลำดับ ซึ่งจากแผนการรักษาจะใช้เวลา 3 ปี จึงไม่สามารถไปเรียนหนังสือได้ แต่ตนก็จะสอนเขาเองที่บ้าน เพราะชีวิตลูกสำคัญที่สุด

ผมเชื่อว่าที่น้องดีขึ้นนอกจากความสามารถของหมอแล้วก็มีกำลังใจจากทุก ๆ คน ถ้าผมจมปลักอยู่กับปัญหา ผมจะเอากำลังใจที่ไหนให้ลูก ผมต้องเปลี่ยนความคิด ทั้งนี้ผมก็ต้องขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งเข้ามา ทำให้ครอบครัวเรามีกำลังใจที่ต่อสู้กับโรคร้าย ผมจึงคิดหารายได้ทำริสแบนด์ขายเพื่อเป็นค่ารักษาลูกชาย” ผู้เป็นพ่อ กล่าวทิ้งท้าย.

ขอบคุณภาพ : @Nattapol Komolthon