ข่าว48อาจารย์คณะบัญชีมธ.แจงปมไทยพาณิชย์ขอใช้พื้นที่ - kachon.com

48อาจารย์คณะบัญชีมธ.แจงปมไทยพาณิชย์ขอใช้พื้นที่
ข่าวประจำวัน

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 13 ก.พ. ผศ.สมชาย ศุภธาดา อดีตรองคณบดี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี,รศ.เอกจิตต์ จึงเจริญ อดีตผอ.โครงการปริญญาโทบริหารธุรกิจ(MBA) ,รศ.ดร.พันทิศา ภาวบุตร หัวหน้าภาควิชาการเงิน และ ผศ.ดร.นนทวรรณ ยมจินดา ผู้แทนของคณาจารย์ในสภาอาจารย์ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกันเป็นตัวแทนคณาจารย์คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ม.ธรรมศาสตร์กว่า 48 คน แถลงข้อร้องเรียน กรณีที่มหาวิทยาลัยได้ร่วมดำเนินการกับธนาคารไทยพาณิชย์ และ Too Fast To Sleep เข้าใช้และรื้อทำลายพื้นที่ชั้น1 ของอาคารคณะ เพื่อสร้างพื้นที่ “iSpace” และ “iLab” โดย ผศ.สมชาย เผยว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นที่ดินหลวงหรือที่ดินราชพัสดุ และเป็นอาคารราชพัสดุที่ใช้งบประมาณแผ่นดินจัดสร้าง มีวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษา ต่างจากการใช้พื้นที่ในมหาวิทยาลัยอื่น และไม่ใช่พื้นที่เชิงพาณิชย์ ซึ่งก็ไม่เคยมีการเปิดเผยสัญญาในการเข้ามาใช้พื้นที่ ทั้งยังมีปัญหาข้อกฎหมายที่ผูกพันมาตั้งแต่ปี60 และอยู่ในการตรวจสอบของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) แต่ทางธนาคารไทยพาณิชย์ได้เข้ามาปรับปรุงพื้นที่ชั้น1 และรื้อย้ายสำนักงานออกไป
 


ด้าน รศ.ดร.เอกจิตต์ กล่าวว่า การปรับปรุงดังกล่าว มีรูปแบบที่ตกลงกันในที่ประชุมประชาคมโดยลงทุนในงบประมาณที่ไม่สูงได้ประโยชน์คุ้มค่าและสวยงาม สามารถใช้งบประมาณของหน่วยงานจัดทำได้เลย แต่ทางผู้บริหารของคณะและมหาวิทยาลัยกลับเลือกรูปแบบที่ไม่เคยมีการตกลงหรือนำเสนอต่อที่ประชุมตามมติที่ตกลงร่วมกัน การกระทำดังกล่าวจึงผิดขั้นตอนในทางกฎหมายตั้งแต่ขั้นตอนการขออนุมัติและพิจารณาตามที่ระบุไว้ในพรบ.ของม.ธรรมศาสตร์ จึงอาจมีปัญหาในเรื่องการเช่าที่ราชพัสดุอย่างไม่โปร่งใส เนื่องจากผู้บริหารธนาคารไทยพาณิชย์แจ้งว่าเข้ามาบริจาคเพื่อปรับปรุงพื้นที่ แต่เวลาผ่านไป กลับแจ้งว่าเข้ามาเช่าพื้นที่ ซึ่งไม่มีการแสดงสัญญาอย่างเปิดเผย
 


รศ.ดร.พันทิศา เผยเพิ่มเติมอีกว่า ธนาคารไทยพาณิชย์เป็นสถาบันการเงินซึ่งมีกฎหมายกำกับดูแลอย่างเข้มงวดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งในการทำธุรกิจแฝงที่ไม่ใช่ธุรกิจหลักของธนาคาร จึงต้องมีความโปร่งใส ถูกต้องตรวจสอบได้ทั้งหมด เพราะอาจกระทบความเชื่อมั่นของลูกค้าและนักลงทุน เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่ากรรมการประจำคณะพาณิชย์ฯถึง 2 ท่านเป็นกรรมการของธนาคาร และอีกท่านก็เป็นผู้บริหารในระดับสูงของธนาคาร นอกจากนั้นยังมีกรรมการประจำคณะอีกท่านหนึ่ง เป็นสามีของผู้บริหารระดับสูงที่เข้ามาร่วมลงนามเอ็มโอยู ระหว่างธรรมศาสตร์และธนาคารไทยพาณิชย์จึงเกรงว่าข้อเท็จจริงดังกล่าวอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นในระบบธรรมาภิบาลของทุกฝ่ายได้



“เราอยากจะแสวงหาความจริงว่าสิ่งที่ทำลงไปนั้น ถูกต้องหรือไม่ ซึ่งหลังจากนี้ก็จะยื่นเรื่องร้องเรียนไปยังสภามหาวิทยาลัย รวมไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับที่ดินของรัฐ หากพบว่าสามารถทำโครงการได้ คณาจารย์ก็ยินดียอมรับ แต่หากพบว่าไม่สามารถทำได้ ก็ควรจะมีการกลับมาทบทวนและแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้น ก็หวังว่าจะมีการพิจารณาโดยเร็วที่สุด”รศ.ดร.พันทิศา กล่าว