ข่าวน้องดีแม็กซ์อาการดีขึ้นเตรียมจิตแพทย์เยียวยาจิตใจ - kachon.com

น้องดีแม็กซ์อาการดีขึ้นเตรียมจิตแพทย์เยียวยาจิตใจ
ข่าวประจำวัน

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่  29 ม.ค.นายแพทย์เฉลิมพล สุคนธผล ผอ.โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต จ.ภูเก็ต เข้าเยี่ยมอาการและให้กำลังใจกับครอบครัว ของ ด.ช.ยืนยง ชัยราบ หรือน้องดีแม็กซ์ อายุ 7 ขวบซึ่งถูกสุนัขจรจัดในพื้นที่ชุมชนใต้สะพานสารสิน ต.โคกกลอย อ.ตะกั่วทุ่ง จ.พังงา รุมกัด เมื่อวันที่ 27 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยมี นายสมภพ ชัยราบ และนางรำแพน แต้มสี บิดาและมารดา ของ น้องดีแม็กซ์ และญาติร่วมเยี่ยมอาการเป็นเวลาประมาณ 10 นาที โดยนายแพทย์เฉลิมพล เปิดเผยว่า  อาการล่าสุดของน้องดีแมกซ์ เช้านี้อาการค่อนข้างดีมาก สามารถถอดเครื่องช่วยหายใจได้ตั้งแต่เมื่อวาน อาการปวดต่างๆทุเลาลง โดยตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาแพทย์ได้ใช้ยาแก้ปวดแค่ครั้งเดียว สามารถพูดคุยโต้ตอบได้อย่างดี เช่นพูดว่า “ไม่อยากให้ทำแผลเพราะเจ็บ” ซึ่งเป็นอาการที่ดีตามลำดับ ในวันที่ 30 ม.ค.หมอศัลยกรรมจะพาตัวน้องเข้าห้องผ่าตัด เพื่อตรวจดูบาดแผลและทำการตกแต่งแผลที่เหลือเพื่อให้มีแผลเป็นน้อยที่สุด ให้กลับมาสู่สภาพเดิม แผลไหนที่ติดเชื้อก็จะต้องรักษาอาการก่อน ยังไม่สามารถเย็บได้ แต่แผลที่แห้งแล้วก็จะทำการเย็บติดให้เหมือนเดิม คิดว่าตอนนี้ทุกคนที่ติดตามข่าวของน้องดีแม็กซ์อยู่ก็ขอให้สบายใจได้ว่าขณะนี้น้องอาการดีขึ้นตามลำดับ
 
 

นายแพทย์เฉลิมพล  กล่าวต่อว่าส่วนปัญหาที่กังวลเรื่องเชื้อพิษสุนัขบ้านั้น เบื้องต้นได้มีการฉีดวัคซีนในการป้องกันไปแล้วแต่ก็ต้องประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ของจังหวัดพังงาในการที่จะกักตัวสุนัขไว้รอดูอาการ ซึ่งจากข้อมูลทราบว่าสามารถจับได้เพิ่มอีกหนึ่งตัวเป็น 5 ตัว โดยอยู่ระหว่างการประสานงานว่าจะมีการตรวจสอบสมองสุนัขว่ามีเชื้อหรือไม่ ในส่วนของวัคซีนนั้นจะฉีดเพิ่มมากกว่านี้ไม่ได้แล้วเพราะจะเป็นการกดภูมิต้านทาน ขณะนี้จึงทำได้เพียงแค่เฝ้ารอ และขอว่าอย่าให้สุนัขกลุ่มนี้มีเชื้อพิษสุนัขบ้า หากไม่มีก็เพียงแค่รักษาแค่อาการติดเชื้อทั่วๆไป ส่วนระยะเวลาการรักษานั้นเนื่องจากตัวน้องดีแม็กซ์มีแผลเยอะ และบางแผลลึกมาก ก็จะรักษาจนกว่าแผลที่ลึกจะตื้นขึ้น มาสามารถกลับไปดูแลต่อที่รพ.สต.หรือโรงพยาบาลใกล้บ้านได้ โดยคาดว่าน่าจะไม่เกิน1-2 สัปดาห์ ทางแพทย์จะทำการดูแลแผลให้ดีที่สุดไม่ให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา เมื่อกลับไปบ้านแล้วจะต้องไม่มีปัญหาการติดเชื้อขึ้นมาอีก อยากให้กลับไปในสภาพที่แผลมีความเสี่ยงที่จะเกิดแผลเป็นหรือการติดเชื้อน้อยที่สุด ส่วนด้านสภาพจิตใจนั้นเด็กยังมีอาการตื่นตกใจขณะนี้ได้เตรียมทีมจิตแพทย์ไว้รักษา แต่ต้องรอให้แผลของเด็กมีอาการดีขึ้นกว่านี้ ทีมจิตแพทย์ก็จะเข้ามาเยียวยาจิตใจของเด็กและพ่อแม่คนในครอบครัว เพื่อให้เด็กกลับไปสู่สังคมโรงเรียน โดยที่ไม่มีแผลเป็นในใจติดค้าง.