เมื่อวันที่ 29 ม.ค.นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการชมรมคนห่วงหัว ในมูลนิธิเมาไม่ขับนำคณะเหยื่อเมาแล้วขับผู้สูญเสี
ย เดินทางไปให้กำลังใจตำรวจจราจร สน.บางขุนนนท์ ที่ปฏิบัติหน้าที่บังคับใช้
กฎหมายหมวกนิรภัย จนเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์
ในโซเชียล โดยมี พ.ต.อ.สำเริง อำพรรทอง ผกก.สน.บางขุนนนท์ ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ได้มีการมอบ หมวกกันน็อกและสติกเกอร์เพื่
อให้นำไปแจกจ่ายและประชาสัมพั
นธ์ประชาชนคำนึกถึงความปลอดภั
ยปกป้องชีวิตเด็กในอันตรายจากอุ
บัติเหตุที่อาจเกิดขึ้น โดยนพ.แท้จริง กล่าวว่า จากกรณีที่มีกระแสในสังคมโซเชี
ยลที่ผู้ที่เป็นพ่ออัดคลิปวีดี
โอต่อว่าการทำงานของตำรวจ ว่ากลั่นแกล้งจับเด็กอายุ3ขวบเนื่
องเพราะไม่สวมหมวกกันน็อกนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วตำรวจคำนึงถึงความปลอดภั
ยของเด็กเล็กๆซึ่งในประเทศไทยนั้
นมีเด็กเล็กๆที่เสียชีวิ
ตเพราะตกจากการซ้อนท้ายมอเตอร์
ไซค์หรือจากอุบัติเหตุมอเตอร์
ไซค์และไม่สวมหมวกกันน็อกกว่าวั
นละ2-3คน. บนท้องถนนทั่วประเทศ เด็กที่โตขึ้นมาหน่อยกว่า7คนต่
อวันทั่วประเทศ นั้นเป็นตัวเลขการเสียชีวิ
ตของเด็กที่ประสพอุบัติเหตุ
และไม่สวมหมวกกันน็อคกว่า3,000ค
นต่อปี อีกตัวเลขที่น่าตกใจในแต่ละวั
นมีเด็กโดยสารด้วยรถมอเตอร์ไซค์
กว่า1ล้านคนต่อวัน มีเพียง7%ที่สวมหมวกกันน็อกเท่
านั้น
นพ.แท้จริง กล่าวต่อว่า สำหรับผู้ใหญ่นั้นการที่ไม่มี
การจัดหาและสวมใส่หมวกกันน็
อกสำหรับเด็กนั้นมีความถึง2 กฎหมายคือทั้ง พรบ.จราจรและกฎหมายคุ้มครองเด็ก ซึ่งหมวกกันน็อกสำหรับเด็กที่
ได้มาตรฐานนั้นราคาเพียงไม่กี่ร้อยบาท เทียบกับบางครอบครัวที่ซื้
อโทรศัพท์ให้เด็กๆนั้
นราคาและความจำเป็นต่างกันมาก การไม่สวมหมวกกันน็อกให้กับลู
กหลานของท่านก็เหมือนการพร้
อมเสียชีวิตลูกหลานของท่านจึ
งอยากให้สังคมไทยให้ความสำคัญกั
บการรักษาชีวิตเด็กน้อยๆด้
วยหมวกกันน็อกที่ปกป้องชีวิตเด็
กๆได้ สุดท้ายตนขอให้กำลังใจเจ้าหน้
าที่ตำรวจทุกนายที่เคร่งครัดปฎิ
บัติและให้ดำเนินการแบบนี้ต่อไป การไม่สวมหมวกกันน็อคให้เด็กนั้
นมีความผิดคือนำเด็กเข้าสู่
สภาวะอัตรายดังนั้นไม่ว่าเด็
กจะยินยอมหรือไม่ยินยอมผู้ใหญ่
ก็ต้องมีการสวมหมวกกันน็อคให้กั
บเด็กมิฉะนั้นผู้ใหญ่ก็จะมี
ความผิด
ด้านพ.ต.อ.สำเริง กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณทุกท่านที่ห่
วงใยเด็กและนำหมวกกันน็
อกมามอบให้เพื่อนำไปแจกเด็กๆ ตำรวจเรานั้นก็มีความห่
วงใยประชาชนเป็นอย่
างมากโดยเฉพาะเด็กๆเพราะร่
างกายของเด็กนั้นยังเบาะบางไม่
เหมือนกันผู้ใหญ่อย่างที่คุ
ณหมอบอกปีๆมีเด็กได้รับอุบัติ
เหตุเป็นจำนวนมากเจ้าหน้าที่
เราก็ปฎิบัติหน้าที่เพื่อคำนึ
งถึงความปลอดภัยของเด็ก และจะมีการรณรงค์ประชาสัมพันธ์
รวมถึงบังคับใช้กฎหมายอย่างต่
อเนื่อง สำหรับกรณีที่ไม่มีการสวมใส่
หมวกกันน็อคให้กับเด็กที่
โดยสารนั้นมีความผิดตามพรบ.จราจ
รทางบกซึ่งผู้ที่มีความผิดคือผู้
ใหญ่หรือผู้ขับขี่เพราะต้องมี
การจัดหาหมวกกันน็อกให้เด็กส่
วนประเด็นที่ว่ามีการจับเด็กนั้
นจึงเป็นเรื่องผิด แท้จริงแล้วในพรบ.จราจรทางบกมี
การบัญญัติข้อยกเว้นไม่ต้
องสวมหมวกไว้เพียงพระภิกษุสามเณร นักบวช และผู้นับถือศาสนาซิกข์ ดังนั้นเด็กจึงไม่อยู่ในข้
อยกเว้นการไม่สวมหมวกทุกกรณีซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิ
ดว่าเด็กเล็กๆนั้นไม่ต้
องสวมหมวกซึ่งผิดดังจากกรณีที่
เพิ่งผ่านมาก็เพราะความเข้าใจผิ
ดซึ่งได้ทีการชี้แจงทำความเข้
าใจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว.