ช็อก!จอดรถหน้าร้าน เจอสาดน้ำมันเครื่องใส่เต็มคัน
ข่าวประจำวัน
จากกรณีโลกออนไลน์เกิดกระแสวิจารณ์อย่างหนัก ภายหลังจากที่ผู้ใช้เฟซบุ๊ก@Neung Nanthakan ระบุ “ทำไมถนนเส้นนี้ไม่น่าอยู่เลย เส้นหน้าวัดพระโตบอกเลยว่าเถื่อนมาก เข้าไปถามตรงๆว่าทำทำไม เขาบอกว่าจอดหน้าร้านเขา เข้าใจผิดอะไรรึเปล่า นี่ถนนสาธารณะ ร้านคุณก็อยู่ข้างในโน่น จะว่าจอดขวางทางขึ้น ก็ไม่ใช่ โดนรอบทิศเลย ทำไมมีแต่คนเห็นแก่ตัว” โดยเจ้าของโพสต์เผยเพิ่มเติมอีกว่า หลังจากรถหน้าร้านขายแขตตอรี่ กลับถูกสาดน้ำมันเครื่องกัดสีรถจนพอง เมื่อเข้าไปสอบถามเจ้าของร้านถึงเหตุผลที่สาดน้ำมันเครื่องใส่รถ ก็ได้รับคำตอบว่า “จอดรถบังหน้าร้าน” ซึ่งทางเจ้าของโพสต์ยืนยันอ้างว่าได้จอดรถบนถนนหลวง ทางเจ้าของร้านไม่ได้ตักเตือนแต่กลับสาดน้ำมันเครื่องใส่ จนรถเกิดความเสียหาย “หลังคารถสีด่างเป็นรอยเข้าไปถึงเนื้อเหล็ก หลุดติดมือเลย หลังไปแจ้งความ ตำรวจไม่รับเรื่อง รถยังอยู่ที่เดิม บอกหลักฐานไม่เพียงพอ กลับมาเอารถ รอบนี้โดนสาดเลยค่ะ” จนกลายเป็นกระแสวิจารร์เรื่องราวดังกล่าว พร้อมทั้งเกิดตำถามว่าเจ้าของร้านจะมีความผิดหรือไม่ไปทั่วสังคมออนไลน์
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ม.ค. ทนายวิรัช หวังปิติพาณิชย์ ทนายความชื่อดังได้ไขข้อข้องใจกับ “เดลินิวส์ออนไลน์” เผยว่า โดยปกติแล้ว การจอดรถที่ในที่สาธาณะสามารถกระทำได้ แต่หากไปขวางทางเข้าออก ก็อาจจะผิดข้อหา “เดือดร้อนรำคาญ” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 397 ซึ่งมีโทษจำคุก 1 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำคุกและปรับแต่กรณีแบบนี้ต้องไปดำเนินการแจ้งความเพื่อให้ตำรวจดำเนินคดีให้ ส่วนการไปจัดการแทนเช่น “สาดน้ำมันเครื่อง” ตีหรือทุบรถของผู้อื่น ก็เป็นเรื่องการกระทำเกิดกว่าที่กฎหมายอนุญาต การสาดน้ำมันเครื่องใส่รถเช่นนี้ ย่อมมีเจตนาทำร้ายทรัพย์ จึงอาจจะมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ มีโทษจำคุกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ในเรื่องดังกล่าวใครจะถูกหรือผิด คงต้องไปแสดงพยานหลักฐานในศาล และสุดท้ายศาลจะเป็นคนตัดสินคดี
ส่วนกรณีการแจ้งความร้องทุกข์กับตำรวจหรือพนักงานสอบสวน หากตำรวจไม่รับแจ้งก็ต้องดูว่าเหตุใดจึงไม่รับแจ้ง ถ้าเป็นเรื่องหลักฐานก็อาจจะต้องหามาเพิ่มเติมหรือสุดท้ายถ้าพนักงานสอบสวนไม่ดำเนินคดี ทางผู้เสียหายก็อาจจะฟ้องร้องด้วยตนเอง โดยมอบหมายให้ทนายความฟ้องร้องให้ภายในอายุความ...
ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก @Neung Nanthakan