ข่าวบินสำรวจเขื่อนวังหีบพบลอบปลูกยาง แกนนำเลื่อนพบตร. - kachon.com

บินสำรวจเขื่อนวังหีบพบลอบปลูกยาง แกนนำเลื่อนพบตร.
ข่าวประจำวัน

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 17 ม.ค. นายวุฒิชัย แก้วลำหัด อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 106 หมู่ 1 ต.นาหลวงเสน อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช และนางนงลักษณ์  ผาสุก อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 381 หมู่ 5 ต.นาหลวงเสน อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช 2 แกนนำคัดค้านการก่อสร้างเขื่อนวังหีบ อันเนื่องมาจากโครงการพระราชดำริของในหลวง รัชกาลที่ 9 พื้นที่หมู่ 1 และหมู่ 5 ต.นาหลวงเสน อ.ทุ่งสง ได้มอบหมายให้ตัวแทนเข้ากับ พ.ต.อ.สุขเกษม นครวิลัย ผกก.สภ.ทุ่งสง เจรจาขอเลื่อนขยายเวลาที่จะเข้ามาพบตำรวจอีก 30 วัน หลัง ร.ต.ท.อธิป พูลสวัสดิ์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ทุ่งสง ได้ออกหมายเรียกทั้งคู่ให้มารับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันกระทำด้วยประการใดๆ โดยทางสาธารณะประตูน้ำ ทำนบหรือเขื่อน อันเป็นส่วนของทางสาธารณะหรือที่ขึ้นลงของอากาศยานอยู่ในลักษณะอันน่าจะเป็นอันตรายแก่การจราจร

นายจิรโรจน์ สำแดง นายอำเภอทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า ตามที่ทางกรมชลประทานได้มีโครงการก่อสร้างเขื่อนวังหีบ เนื้อที่กว่า 800 ไร่ ระยะดำเนินการ 5 ปี ตั้งแต่ ปี 2562-2566 หลังได้ผ่าน ครม.แล้วนั้น ปรากฎว่าโครงการก่อสร้างจะเริ่มขึ้นได้มีชาวบ้านที่มีโฉนดที่ดินและ น.ส.3 พร้อมกลุ่มแกนนำร่วมกันประท้วงคัดค้านการก่อสร้างเขื่อนเรื่อยมาตลอด อ้างว่าการสร้างเขื่อนเป็นการทำลายธรรมชาติป่าดงดิบ โดยวานนี้ (16 ม.ค.) ช่วงบ่าย ตนพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ป่าไม้และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติได้ทำการบินขึ้นไปสำรวจบริเวณที่จะก่อสร้างเขื่อนวังหีบ พบว่าในพื้นที่ที่จะก่อสร้างเขื่อนได้มีการลักลอบปลูกสวนยางพาราในเนื้อที่หลายแปลง ซึ่งต้นยางพาราที่ปลูกนั้นอยู่ในเขตป่สงวนแห่งชาติทั้งสิ้นและใบยางเริ่มเป็นสีแดง หมายถึงยางกำลังผลัดใบ จากแนวทางการสืบสวนทราบว่า ต้นยางพาราเหล่านี้เป็นของกลุ่มนายทุนและผู้มีอิทธิพล และจากการสังเกตุพบว่าหากเป็นต้นไม้ป่าดงดิบต้นไม้จะเขียวชอุ่มตลอดจะไม่มีการผลัดใบสีแดงอย่างที่เห็น ดังนั้นการที่มีกลุ่มคนต่อต้านการก่อสร้างเขื่อนของชาวบ้านและกลุ่มนายทุนผู้มีอิทธิพลครั้งนี้ จึงเป็นการเห็นส่วนตัว



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ทางกลุ่มผู้ต่อต้านได้มีการปิดกั้นตั้งด่านนำเหล็กมาวางกีดขวางบนถนนสายวังหีบที่จะขึ้นไปยังสถานที่ก่อสร้างเขื่อน พร้อมกับมีการขุดคอสะพานข้ามคลองและขุดพื้นผิวถนนเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ขึ้นไปทำงานก่อสร้างเขื่อนได้ ซึ่งหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองทราบ จึงได้นำกำลังบุกเข้าไปรื้อถอนสิ่งกีดขวางออกพร้อมกับไปแจ้งความกับตำรวจ สภ.ทุ่งสง เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มชาวบ้านและแกนนำในการปิดกั้นสร้างสิ่งกีดขวางบนถนนด้วย ขณะเดียวกันทางองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นตำบลนาหลวงเสสน (อบต.นาหลวงเสน) เตรียมแจ้งความดำเนินคดีกลุ่มชาวบ้านแกนนนำที่ได้ร่วมกันทำลายสะพานและถนนอีกด้วย

ขณะที่ พ.ต.อ.สุขเกษม กล่าวว่า ภายหลังจากเจรจากับตัวแทนกลุ่มแกนนำที่เข้าพบ ก็ได้ให้เวลาจนถึงเย็นนี้ให้ตัวแทนทำหนังสือมาขอเลื่อนเวลาอย่างเป็นทางการ และให้เวลาแค่ 10 วัน หากครบกำหนดไม่มาพบจะออกหมายเรียกและออกหมายจับตามขั้นตอนต่อไป.