ข่าวหนุ่มโพสต์ปืนจ่อหัวจะฆ่าตัว ขอโทษสังคมอารมณ์ชั่ววูบ - kachon.com

หนุ่มโพสต์ปืนจ่อหัวจะฆ่าตัว ขอโทษสังคมอารมณ์ชั่ววูบ
ข่าวประจำวัน

photodune-2043745-college-student-s
จากกรณีช่วงค่ำวันที่ 15 ม.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ใช้เฟซบุ๊กเป็นชายรายหนึ่งได้โพสต์ภาพหวาดเสียวขณะกำลังนำอาวุธปืนมาจ่อศีรษะตัวเอง พร้อมข้อความระบุว่า “ผมเหนื่อย อยากสงบ อยากมีความสุข อยากมีชีวิตที่ดี กรรมใดที่ข้าพเจ้าได้ทำเอาไว้กับบุคคลอื่นขออโหสิกรรม หลังจากนี้ตัวข้าพเจ้าขออธิฐานไปเกิดใหม่ในที่ๆสงบ” นอกจากนี้ชายคนดังกล่าวยังได้โพสต์ข้อความในลักษณะเดียวกันอีกหลายโพสต์ รวมทั้งนำข้อความที่คุยกับลูกสาวในลักษณะการสั่งเสียมาโพสต์อีกด้วย ทำให้มีคนเข้าไปแสดงความเห็นและแชร์ข้อความดังกล่าวไปยังกลุ่ม ต่างๆ เพื่อให้ช่วยแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวของผู้โพสต์พบว่ามีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่จ.ภูเก็ต และต่อมาได้มีการลบข้อความดังกล่าวออกไป
 
ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ม.ค. พ.ต.อ.อกนิษฐ์ ด่านพิทักษ์ศาสน์ ผกก.สส.ภ.จว.ภูเก็ต เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการแชร์ข้อความจำนวนมากในช่วงเวลาประมาณ 21.00 น.วานนี้ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสืบค้นข้อมูลและลงพื้นที่ติดตามตัวผู้โพสต์จนทราบว่าชื่อ นายหนึ่ง (นามสมุติ) เป็นผู้รับเหมาติดตั้งเฟอร์นิเจอร์ อยู่ในซอยเรือนทะเล ต.รัษฏา อ.เมือง จึงประสานไปยังภรรยาของนายหนึ่งให้เดินทางไปพร้อมกับเจ้าหน้าที่ เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่เข้าไปในบ้านได้แต่พบว่านายหนึ่งอยู่ในห้องปิดล็อกจากด้านในอย่างหนาแน่น พยายามเรียกก็ไม่มีเสียงตอบจึงเฝ้าอยู่ตลอดทั้งคืน กระทั่งช่วงเช้าได้เรียกดูอีกครั้งพร้อมภรรยา ปรากฏว่านายหนึ่งอยู่ในห้องดังกล่าวจริงและยินยอมให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบภายในห้อง เบื้องต้นพบปืนพกสั้นบีบีกัน 2 กระบอก อยู่ในตู้เซฟจึงเชิญตัวมาสอบปากคำ ทั้งนี้จากการตรวจสอบภายในบ้านไม่พบอาวุธปืน ยาเสพติด หรือสิ่งผิดกฏหมาย แต่จากการปัสสาวะพบว่าเป็นสีม่วงจากการใช้ยาเสพติด ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำประวัติก่อนส่งตัวให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเข้ารับการบำบัด 

สอบสวนเบื้องต้นนายหนึ่งยอมรับว่า ได้กระทำการโพสต์ภาพพร้อมข้อความดังกล่าวจริง เนื่องจากความเครียดจากปัญหาเรื่องงานและครอบครัว จึงกินเหล้าและโพสต์ภาพดังกล่าวออกไปเพื่อระบายความเครียด จากนั้นได้กินยาเข้าไปทำให้นอนหลับ ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะไปถึง และหลังจากที่เชิญตัวมาสอบสวนขณะนี้นายหนึ่งอยู่ในอาการที่ดีขึ้น เจ้าหน้าที่ได้พยายามพูดคุยให้สงบสติอารมณ์ ซึ่งนายหนึ่งเองได้กล่าวว่า รู้สึกผิดและฝากขอโทษสังคมกับสิ่งที่เกิดขึ้น