'เสี่ยนพพร'ร่ายยาวอ้างไม่ผิด จ่อร้องขอความเป็นธรรมศาล
ข่าวประจำวัน
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อวันที่ 9 ม.ค. นายนพพร ศุภพิพัฒน์ ได้ส่งอีเมลขอชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นดังนี้ ในช่วงไตรมาสสองของปี 2558 ตนยังเป็นเจ้าของบริษัท เคพีเอ็น เอนเนอยี (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งขณะนั้น มีชื่อว่า บริษัท รีนิวเอเบิล เอนเนอยี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (REC) ได้ดำเนินการให้บริษัทดังกล่าวโอนหุ้นบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด จำนวน 350,000 หุ้นไปให้บริษัท เน็กซ์โกลบอล อินเวสเมนท์ส จากัด ซึ่ง เป็นผู้ถือหุ้นของ REC และเป็นบริษัทที่ตนเป็นเจ้าของ เช่นเดียวกัน ดังนั้น จึงเป็นการโอนภายในกลุ่มบริษัทในเครือเดียวกันและเป็นการจัดการทรัพย์สินส่วนตัว โดยใช้เป็นราคาเดียวกับการขายหุ้นวินด์ฯ ที่ REC เคยขายไปล็อตก่อนหน้านั้น จำนวน 1,532,000 หุ้น ให้บริษัทไทยโฟกัส อิควิตี้ฟันด์ ลิมิเต็ด ในราคา 235 บาทต่อหุ้น ตนจึงใช้ 235 บาทต่อหุ้นเป็นราคาซื่อขาย ต่อมาได้ขายบริษัท REC ให้แก่บริษัท KPNEH และ Fullerton ซึ่งเป็นของ นายณพ ณรงค์เดช แต่ไม่ได้รับชาระเงินค่าหุ้น ตามสัญญา ตนจึงดำเนินการให้ผู้ขายได้แก่ บริษัท ซิมโฟนี่ พาร์ตเนอร์ส จำกัด และบริษัท เน็กซ์โกลบอล อินเวสต์เมนท์ส จำกัด กับ บริษัท ไดนามคิลิงค์ เวนเจอร์ส จำกัด ฟ้องร้องดาเนินคดีกับผู้ซื่อทั้งสอง โดยที่ก่อนจะซื้อ REC นายณพ ก็ทราบดีว่าหุ้นวินด์ 350,000 หุ้นดังกล่าว มิใช่ทรัพย์สินของ REC อีกแล้ว เนื่องจากมีการระบุจานวนหุ้นวินด์ฯ ที่ REC ถือสุทธิ จานวน 64.7 ล้านหุ้น
ในสัญญาซื้อ ขายหุ้น ในเดือนเมษายน 2559 นายณพได้ดาเนินการให้บริษัท REC ซึ้ง ขณะนั้น เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัทเคพีเอ็น เอนเนอยี (ประเทศไทย) จากัด แล้ว ดำเนินการโอนหุ้นวินด์ฯ ที่บริษัท เคพีเอ็น เอนเนอยี (ประเทศไทย) จากัด ถือทั้งหมดจำนวน 64.7 ล้านหุ้น ให้นายเกษม ณรงค์เดช ในราคาเพียง 37 บาทต่อหุ้น (ซึ่ง ในปีถัดไปนายเกษมก็โอนหุ้นดังกล่าว ต่อไปให้บริษัทโกลเด้นมิวสิค ฮ่องกง) ปลายปี 2559 นายณพได้ดาเนินการให้เคพีเอ็น เอนเนอยี (ประเทศไทย) จากัด โดยนายไพร บัวหลวงและนายวรนิต ไชยหาญ ซึ่งเป็นกรรมการขณะนั้น มาฟ้องตนโดยกล่าวหาว่า การที่ตนโอนขายหุ้นวินด์ฯ จำนวน 350,000 หุ้น ในราคา 235 บาทให้ บริษัทเน็กซ์โกลบอล อินเวสเมนท์ส จำกัด เป็นการขายหุ้นในราคาต่ำกว่าความเป็นจริง โดยอ้างว่าราคาที่เหมาะสมคือ 550 บาทต่อหุ้น โดยฟ้องว่าเป็นลักทรัพย์นายจ้าง และการบันทึกราคาซื้อขายที่ 235 บาทเป็นการลงบัญชีเท็จ ฟอกเงิน การโอนหุ้นระหว่างบริษัทที่มีเจ้าของเดียวกัน ที่ราคาเดียวกับการซื้อ ขายครั้งก่อนหน้า เป็นนิติกรรมที่เป็นปกติทางธุรกิจ และนิติกรรมนี้ถูกบันทึกในงบการเงินปี 2558 อันเป็นเอกสารสาธารณะ จึงสามารถตรวจสอบได้ว่าตนเล่าความจริงหรือไม่
อีกทั้ง กรรมการที่ลงชื่อในฟ้องก็มาแถลงต่อศาลว่าไม่ได้รู้เห็นข้อเท็จจริงในขณะที่ลงลายมือชื่อท้ายฟ้องตามคำแถลงข้อเท็จจริงของกรรมการคนดังกล่าว (เอกสารแนบ) ปกติแล้วข้อหาฟอกเงินต้องดาเนินคดีโดยรัฐ เอกชนไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่ใช่ผู้เสียหาย และต้องมีมูลฐานความผิดเฉพาะตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ค้ามนุษย์ หรือ ฉ้อโกงภาษี เช่นหากกรมสรรพากรเห็นว่า การที่นายณพ ดาเนินการให้ REC โอนหุ้นให้นายเกษมในราคาเพียง 37 บาทต่อหุ้น และยังโอนต่อไปยังบริษัทโกลเด้นมิวสิคที่ ฮ่องกง แล้วให้โกลเด้นมวิ สิคในฮ่องกง โอนขายหุ้นให้นายประเดชในราคาสูงกว่า 37 บาทอย่างมีนัยยะสำคัญ ทำให้กรมสรรพากรไม่ได้รับค่าภาษีที่ควรได้ เป็นการฉ้อโกงภาษีแบบเป็นขบวนการ กรมสรรพากรก็สามารถตั้งข้อกล่าวหาฟอกเงินร่วมด้วยได้ เป็นต้น
ด้วยเหตุผลนี้ ตนจึงไม่ได้ฟ้อง นายณพ กับพวกในข้อหาฟอกเงิน แต่ฟ้องในข้อหาโกงเจ้าหนี้พราะการโอนหุ้นวินด์ฯ ทั้งหมดออกไปในราคา 37 บาทต่อหุ้น เป็นการจงใจทำให้เคพีเอ็น เอนเนอยี (ประเทศไทย) จำกัด ไม่เหลือทรัพย์สินมากพอให้ผู้ซื้อ ทั้งสองชำระหนี้ได้หากเคพีเอ็น เอนเนอยี (ประเทศไทย) จำกัดถูกขายทอดตลาดก่อนหน้าคดีนี้นายณพก็ได้ใช้ให้กรรมการทั้งสองของเคพีเอ็นเอนเนอยี (ประเทศไทย) จำกัด ฟ้องตนในข้อหาลักทรัพย์นายจ้างเช่นเดียวกัน โดยฟ้องว่าในระหว่างปี 2552 ถึง 2556 ตนได้เบิกเงินหลายจานวนจาก REC ทั้งที่ในขณะดังกล่าวบริษัท REC มีตนเป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมด อีกทั้งได้ลงรายการทั้งหมดในงบการเงินที่ได้รับการรับรองจากผู้สอบบัญชีอย่างเปิดเผย การลักทรัพย์ตัวเองเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ตนจึงไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งนี้ตนได้เตรียมยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมถึง อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา และประธานศาลฎีกา เพื่อให้พิจารณาการมีคำสั่งประทับรับฟ้องในคดี อ.3757/2559 และในคดีอ.3930/2559 ว่าชอบด้วยข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายและดำรงไว้ซึ่งความเป็นธรรมโดยปราศจากอคติใด ๆ หรือไม่ ต่อไป.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ณพ ณรงค์เดช'ย้ำรักพ่อที่สุด ไม่นานความจริงจะปรากฏ
ศึกสายเลือด"ณรงค์เดช" พ่อโต้ลูก"ไม่ได้ความจำเสื่อม"