ส่งผู้ร้ายข้ามเเดน 'โทนี่ เตียว' เจ้าสัวหมื่นล้าน เอ็มบีไอกรุ๊ป หลอกลงทุน ไปดำเนินคดีที่จีน
ข่าวประจำวัน
เมื่อวันที่ 18 ม.ค.66 ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งในคดี ขอส่งผู้ร้ายข้ามเเดนหมายเลขดำที่ ผด9/2565 ที่พนักงานอัยการยื่นคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดน นายเตียว ฮุยฮวด หรือ โทนี่ เตียว เจ้าของอาณาจักรเอ็มบีไอ กรุ๊ป ซึ่งมีบริษัทในเครือประกอบธุรกิจโรงแรม สถานบันเทิง สวนสนุก ตลาด ก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ และเฟอร์นิเจอร์ โดยเป็นเจ้าของธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนต์มูลค่ามากกว่า 10,000 ล้านบาท
คำร้องระบุสรุปว่าเมื่อวันที่ 16 ก.ย.65 รัฐบาลจีนโดย สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย มีคำร้องขอให้รัฐบาลไทยส่งตัว นายเตียว ฮุยฮวด บุคคลสัญชาติมาเลเซีย เป็นผู้ร้ายข้ามแดน ไปดำเนินคดีที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ในความผิดฐานจัดตั้งองค์กรที่ชักจูงและประกอบการขายตรง โดยแอบอ้างเป็นธุรกิจการให้บริการ โดยให้ผู้เข้าร่วม ชำระเงินค่าบริการหรือซื้อสินค้าเพื่อเข้าเป็นสมาชิก ให้มีการจัดลำดับชั้น ที่มีลักษณะแชร์ลูกโซ่เพื่อขยาย ฐานผู้เข้าร่วมมากขึ้น เพื่อนำมาคิดคำนวณเป็นค่าตอบแทน
มีพฤติกรรมชักชวน ข่มขู่ให้ผู้อื่นมาเข้าร่วม หลอกเอาทรัพย์สิน โดยส่งผลกระทบเศรษฐกิจและสังคม ตามประมวลกฎหมายอาญาสาธารณรัฐประชาชนจีน มาตรา 224 วรรคหนึ่ง มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และโทษปรับ และหากเป็นกรณีที่มีพฤติการณ์ร้ายแรงมีอัตราโทษจำคุก 5 ปีขึ้นไป และโทษปรับ
จากการสืบสวนสอบสวนของทางการจีนได้ความว่า เมื่อประมาณปี 2552 จำเลยกับพวกอีกหลายคน ร่วมกันก่อตั้งบริหาร กลุ่มบริษัทบริหารสินทรัพย์ ระหว่างประเทศ หรือบริษัท MBI ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในสหพันธรัฐมาเลเซีย โดยมีจำเลยดำรงตำแหน่งประธานบริษัท
จากนั้นก่อตั้งแพลตฟอร์ม ทางการเงินที่เรียกชื่อย่อว่า “MFC” และ “MIT” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ทำหน้าที่ขยายธุรกิจเครือข่าย ผ่านแอพพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือ จัดงานสัมมนาชักชวนให้บุคคลเข้ามาร่วมลงทุน โดยผู้ที่เข้าร่วมลงทุน จะต้องชำระเงินเป็นค่าสมาชิก ซึ่งจำเลยกับพวกดังกล่าวร่วมกันหลอกลวงว่า การลงทุนมีกำไรผลตอบแทน สูง ไม่มีขาดทุนเพื่อจูงใจให้บุคคลเข้าร่วมลงทุน
ทำให้ยิ่งสามารถขยายธุรกิจระดับล่างหรือดาวน์ไลน์มากจะยิ่ง ทำกำไรได้มาก และชักชวนให้นักลงทุนชักชวนบุคคลอื่นมาสมัครสมาชิกโดยจะต้องจ่ายค่าสมาชิกและลงทุน ซื้อสกุลเงินดิจิทัล โดยผู้ชักชวนจะได้รับคะแนนเงินรางวัลค่าแนะนำและสิทธิมากมายเป็นการตอบแทน และหลอกลวงอีกว่าบริษัท MBI ร่วมลงทุนเป็นเงินจำนวน 1.5 พันล้านหยวน ในโครงการด้านการท่องเที่ยว กับรัฐบาลกุ้ยโจวในปี 2559 แต่บริษัท MBI ของจำเลยไม่ได้ร่วมลงทุนด้านการท่องเที่ยวกับรัฐบาลกุ้ยโจวแต่อย่างใด
เงินรายได้ของบริษัท MBI จึงมาจากการหลอกลวงให้สมาชิกรายใหม่ร่วมลงทุนในลักษะองค์กร รูปทรงพีระมิดหรือแชร์ลูกโซ่ โดยไม่มีการนำเงินไปลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนจริง พฤติการณ์ของจำเลยกับ พวกดังกล่าวที่ได้ร่วมกันหลอกลวงได้เงินมาอย่างมิชอบด้วยกฎหมาย เหตุเกิดเมื่อระหว่างปี 52-63 ที่สาธารณรัฐประชาชนจีน และ สหพันธรัฐมาเลเซีย เกี่ยวพันกัน กระทรวงการต่างประเทศในฐานะฝ่ายบริหารซึ่งมีอำนาจตามกฎหมายได้
พิจารณาแล้วเห็นว่า คำร้องขอของทางการจีนให้ส่ง นายเตียว ฮุยฮวด จำเลย บุคคล สัญชาติมาเลเซีย เป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับไปดำเนินคดีที่สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นไปตามสนธิสัญญา ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า ด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ความผิดตามคำร้องขอ ดังกล่าว กฎหมายไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนถือเป็นความผิดอาญามีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีขึ้นไป และคดียังไม่ขาดอายุความ
ทั้งมิใช่เป็นความผิดที่มีลักษณะทางการเมืองหรือเป็นความผิดทางทหาร และมีการออกหมายจับบุคคลดังกล่าวไว้แล้วในประเทศผู้ร้องขอ โดยความผิดที่ร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนเป็น ความผิดตามกฎหมายไทยเทียบได้กับความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ฉ้อโกงประชาชน และชักชวนบุคคลเข้าร่วมเครือข่ายในการประกอบธุรกิจขายตรง หรือในการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง
โดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าว ตามพระราชกำหนดการกู้ยืม เงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527มาตรา 4, 5 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 พรบ.ขายตรงและการตลาดแบบตรง พ.ศ. 2555มาตรา 19
ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป และผู้ถูกร้องขอยังไม่เคยได้รับการพิจารณาหรือพิพากษาลงโทษหรือปล่อยตัวสำหรับข้อหาดังกล่าวใน ราชอาณาจักรไทยหรือสาธารณรัฐประชาชนจีนมาก่อน ทั้งทางการสาธารณรัฐประชาชนจีนยืนยันว่าคดียัง ไม่ขาดอายุความ โดยผู้ร้องขอขอให้ศาลอาญาออกหมายจับผู้ถูกร้องขอแล้ว ต่อมาวันที่ 22 ส.ค.55 ตำรวจจับผู้ถูกร้องขอได้ ขอให้มีคำสั่งขังผู้ถูกร้องขอไว้เพื่อส่งข้ามแดนไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน ตามพระราชบัญญัติส่งผู้ร้ายข้ามแดน
ผู้ถูกร้องขอยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ถูกร้องขอถูกกลั่นแกล้ง โดยพรรคการเมืองพรรคหนึ่งในประเทศไทย ร่วมมือกับนักการเมืองในจีนบางส่วน ทั้งที่ทราบดีว่าผู้ถูกร้องขอไม่ได้ กระทำความผิดตามคำร้องขอให้ส่งผู้ร้ายข้ามแดนของจีน และเหตุในคดีนี้เกิดเมื่อวันที่ 31 มี.ค.55 จนถึงวันฟ้องเป็นเวลาเกิน 10 ปีแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายของประเทศใดคดีที่โจทก์ กล่าวอ้างขาดอายุความแล้ว ขอให้ยกฟ้อง
พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังยุติได้ว่า สาธารณรัฐประชาชนจีนมีสนธิสัญญาส่ง ผู้ร้ายข้ามแดนกับราชอาณาจักรไทย มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่7 มี.ค.52 รัฐบาลจีนโดยสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย มีคำร้องขอให้รัฐบาลไทยส่งตัวนายเตียว ฮุยฮวด สัญชาติมาเลเซีย ไปดำเนินคดีในจีน
ในความผิดฐานจัดตั้งองค์กรที่ชักจูงและประกอบการขายตรง โดยแอบอ้างเป็นธุรกิจการให้บริการ โดยให้ผู้เข้าร่วมชำระเงินค่าบริการหรือซื้อสินค้าเพื่อเข้าเป็นสมาชิก ให้มีการจัดลำดับชั้น ที่มี ลักษณะแชร์ลูกโซ่เพื่อขยายฐานผู้เข้าร่วมมากขึ้น เพื่อนำมาคิดคำนวณเป็นค่าตอบแทน มีพฤติกรรมชักชวน ข่มขู่ให้ผู้อื่นมาเข้าร่วม หลอกเอาทรัพย์สิน โดยส่งผลกระทบเศรษฐกิจและสังคมฯ
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยประการแรกมีว่า คดีของผู้ถูกร้องขอขาดอายุความแล้วหรือไม่ ผู้ร้องขอมี น.ส.สะลินน์ พุทธพิทักษ์ เจ้าหน้าที่กรม สนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ เป็นพยานเบิกความว่า ตามคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนสาธารณรัฐประชาชนจีนยืนยันว่าผู้ถูกร้องขอได้กระทำการมิชอบด้วย กฎหมายตั้งแต่ปี 55-63
ซึ่งสำนักงานตำรวจความมั่นคงสาธารณะแห่งนครฉงชิ่ง เขตอวี่เป่ย ยื่นคำร้องเพื่อสอบสวนผู้ถูกร้องขอแล้ว ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย.63 การกระทำความผิดของผู้ถูกร้อง ขอจึงไม่จํากัดเวลาในการดำเนินคดี ตามมาตรา 88 แห่งประมวลกฎหมายอาญาของสาธารณรัฐประชาชนจีน
โดยผู้ถูกร้องขอนำสืบเพียงว่าหลังจากเดือน มี.ค.55 ผู้ถูกร้องขอไม่ได้เดินทางเข้าไปใน สาธารณรัฐประชาชนจีนอีก แต่ผู้ถูกร้องขอนำสืบว่ารับบริษัทของผู้ถูกร้องขอดำเนินธุรกิจที่สหพันธรัฐ มาเลเซียโดยออนไลน์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน ผ่านแพลตฟอร์ม MFC เห็นว่า การดำเนินธุรกิจของผู้ถูกร้องขอเป็นแบบออนไลน์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ผู้ถูกร้องขอเป็นผู้บริหาร องค์กรจึงไม่จำเป็นต้องเดินทางไปสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อดำเนินธุรกิจของตนด้วยตนเอง
ข้ออ้างของผู้ถูกร้องขอไม่ทำให้ข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องขอนำสืบเปลี่ยนแปลงไป ข้อเท็จจริงพอรับฟังได้ว่าผู้ถูกร้องขอกระทำผิดตั้งแต่ปี 55-63 เมื่อทางการจีนยืนยันว่ามีการสอบสวนผู้ถูกร้องขอตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย.63 และคดียังไม่ขาดอายุความตามกฎหมายอาญาของจีน และ ความผิดของผู้ถูกร้องขอเทียบได้กับความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และชักชวนบุคคลเข้าร่วมเครือข่ายในการประกอบธุรกิจขายตรง หรือในการประกอบธุรกิจตลาด แบบตรง
โดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าวฯ ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป และมิใช่ความผิดที่มีลักษณะทางการเมืองหรือเป็นความผิดทางทหาร และผู้ถูกร้องขอไม่เคย ได้รับการพิจารณาหรือพิพากษาลงโทษหรือปล่อยตัวสําหรับการกระทำดังกล่าวจากศาลไทยหรือศาลของ สาธารณรัฐประชาชนจีนมาก่อน และผู้ร้องขอยื่นฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่19 ต.ค.65 ยังไม่เกิน 10ปี นับ แต่วันที่ผู้ถูกร้องขอกระทำความผิด จึงยังไม่ขาดอายุความ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 55
ปัญหาว่าพยานหลักฐานในคดีมีเหตุให้ศาลมีคำสั่งขังผู้ถูกร้องขอไว้เพื่อส่งข้ามแดนต่อไป หรือไม่ น.ส.สะลินน์ เบิกความว่า กระทรวงการต่างประเทศตรวจสอบคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนที่ได้รับ จากสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย แล้วพบว่าเอกสารถูกต้องครบถ้วนตามสนธิสัญญาและกฎหมายภายในประเทศ ทั้งมีการประทับตรารับรองจากผู้มีอำนาจแล้วทำให้สามารถเชื่อได้ว่า ข้อความที่ระบุในคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนเป็นความจริง
ทั้งนี้ เมื่อ พิจารณาในหนังสือยินยอมความผูกพันของเจ้าหน้าที่ตำรวจแห่งสำนักงานความมั่นคงสาธารณะนครฉงชิ่ง ผู้รับผิดชอบคดีอาญาของผู้ถูกร้องขอในสาธารณรัฐประชาชนจีนตามซึ่งสาธารณรัฐ ประชาชนจีนส่งมาประกอบคำร้องขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนยืนยันว่ามีการสืบสวน สอบสวนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
ประกอบกับเอกสารที่เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับธุรกรรมทางการเงินระหว่างชาวมาเลเซียและผู้แชร์ลูกโซ่ บริษัท MBI ในหนังสือยินยอมความผูกพันปรากฏรายการทำธุรกรรมทางการเงินเข้า บัญชีต่าง ๆ ทั้งในสหพันธรัฐมาเลเซียและสาธารณรัฐประชาชนจีน
นอกจากนี้ ผู้ร้องขอมีคำฟ้องของสำนักงานอัยการ ประชาชนเขตอเป่ย นครฉงชิ่ง ซึ่งยื่นฟ้องผู้ร่วมกระทำความผิดกับผู้ถูกร้องขอเป็น จำเลยในสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเมื่อพิจารณาหมายจับดังกล่าวและหนังสือร้องขอแล้วเป็นกรณีที่ผู้ถูกร้องขอถูก หมายจับในข้อหาฉ้อโกง
ที่ผู้ถูกร้องขอต่อสู้ว่าผู้ถูกร้องขอดำเนินธุรกิจในราชอาณาจักรไทยและในสหพันธรัฐ มาเลเซียอย่างถูกต้องตามกฎหมายแต่ผู้ถูกร้องถูกเจ้าพนักงานตำรวจ พรรคการเมืองในประเทศไทย และ นักการเมืองในสาธารณรัฐประชาชนจีนร่วมมือกันกลั่นแกล้งผู้ถูกร้องแต่ผู้ถูกร้องขอเบิกความยืนยันว่าไม่ เคยถูกเรียกรับเงินจากนักการเมืองในจีนและไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงในการกลั่นแกล้ง ของสาธารณรัฐประชาชนจีนโดยผู้ถูกร้องขอเข้าใจว่าอาจมีสาเหตุมาจากโครงการที่ผู้ถูกร้องขอทำร่วมกับคนชาติจีนในมณฑลกุ้ยโจว ข้ออ้างดังกล่าวล้วนแต่เป็นความเข้าใจของผู้ถูกร้องขอไม่มีน้ำหนักให้รับฟัง
พยานหลักฐานที่ผู้ร้องขอนำสืบมาดังกล่าวบ่งชี้ว่าผู้ถูกร้องขอกับพวกโดยทุจริตร่วมกันหลอกลวงประชาชน นั้นได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม หรือทำให้ผู้ถูกหลอกลวงหรือบุคคลที่สาม โฆษณา หรือประกาศให้ปรากฏต่อประชาชน หรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้ปรากฏแก่บุคคลตั้งแต่สิบคนขึ้นไปว่า ด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้ง
และโดยการหลอกลวงดังว่า ในการกู้ยืมเงิน ตนหรือบุคคลใดจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้ตามพฤติการณ์แห่งการกู้ยืมเงิน ในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุด ที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่า ด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ยืมของสถาบันการเงินจะ พึงจ่ายได้ โดยที่ตนรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าตนหรือบุคคลนั้นจะนำเงินจากผู้ให้กู้ยืมเงินรายนั้นหรือรายอื่นมา
จ่ายหมุนเวียนให้แก่ผู้ให้กู้ยืมเงิน หรือโดยที่ตนรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าตน หรือบุคคลนั้นไม่สามารถประกอบ กิจการใดๆ โดยชอบด้วยกฎหมายที่จะให้ผลประโยชน์ตอบแทนพอเพียงที่จะนำมาจ่ายในอัตรานั้นได้ และในการนั้นเป็นเหตุให้ตนหรือบุคคลใดได้กู้ยืมเงินไป และชักชวนบุคคลเข้าร่วมเครือข่ายในการประกอบธุรกิจ ขายตรง หรือในการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรง โดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าว
ซึ่งหากในชั้นพิจารณาของศาล ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามคำร้องขอดังกล่าว การกระทำของผู้ถูกร้องขอย่อมครบองค์ประกอบความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ฉ้อโกง ประชาชน และชักชวนบุคคลเข้าร่วมเครือข่ายในการประกอบธุรกิจขายตรงฯ
คดีของผู้ร้องขอมีมูล เมื่อนายเตียว ฮุยฮวด ผู้ถูกร้องขอมีสัญชาติมาเลเซีย ที่รัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนร้องขอให้รัฐบาล ไทยส่งตัวผู้ถูกร้องขอไปดำเนินคดีที่สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยสาธารณรัฐประชาชนจีนและ ราชอาณาจักรไทยมีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกันและคำฟ้องของผู้ร้องขอมีมูลที่จะประทับฟ้องไว้ พิจารณา
หากความผิดนั้นได้กระทำลงในราชอาณาจักร และความผิดดังกล่าวกฎหมายสาธารณรัฐประชาชนจีน และกฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทยกำหนดให้เป็นความผิดอาญาที่มีโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีขึ้นไป และมิใช่ความผิดที่มีลักษณะทางการเมืองหรือเป็นความผิดทางทหาร ตามความแห่งพรบ.ส่งผู้ร้ายข้าม แดน พ.ศ. 2551มาตรา 19 จึงมีเหตุให้ขังผู้ถูกร้องขอไว้เพื่อส่งข้ามแดนต่อไป อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 19 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 20แห่ง พรบ. ส่งผู้ร้ายข้ามแดน พ.ศ.2551
จึงมีคำสั่งขังผู้ถูกร้องขอไว้เพื่อส่งตัวข้ามแดนไปยังสาธารณรัฐประชาชนจีน ต่อไปแต่มิให้ส่งตัวผู้ถูกร้องขอข้ามแดนก่อนครบระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งขังเพื่อส่งข้ามแดนและถ้ามิได้ส่งผู้ถูกร้องขอข้ามแดนภายใน 90 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งถึงที่สุดหรือภายใน กำหนดเวลาที่ศาลได้อนุญาตให้ขยายออกไป ให้ปล่อยตัวผู้ถูกร้องขอไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 3 ม.ค.ที่ผ่านมาทาง สถานเอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำประเทศไทย มีหนังสือถึงอธิบดีอัยการสำนักงานต่างประเทศในฐานะผู้ประสานงานกลาง เกี่ยวกับคำร้องขอจับกุมชั่วคราวของรัฐบาล มาเลเซียต่อรัฐบาลไทยถึง นายเตียว ฉุยฮวด ผู้หลบหนีดังกล่าว เป็นที่ต้องการตัวสำหรับการดำเนินคดีในความผิดฐานฉ้อโกงและส่งมอบทรัพย์สินโดยไม่สุจริต ซึ่งเป็นความผิดภายใต้บทบัญญัติมาตรา 420 ของประมวลกฎหมายอาญามาเลเซีย (พระราชบัญญัติ 574)
มีโทษจำคุกไม่ต่ำกว่าหนึ่งปีและไม่เกินสิบปี และมีการเฆี่ยนตีและต้องระวางโทษปรับด้วย โดยสถานเอกอัครราชทูตขอเน้นย้ำว่าคำขอจับกุมชั่วคราวเป็นไปตาม พรบ.ส่งผู้ร้าย ข้ามแดน พ.ศ. 2535 (พระราชบัญญัติ 479] และสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างประเทศ ไทยและสหราชอาณาจักร พ.ศ. 2454 ซึ่งลงนามเมื่อวันที่ 4 มี.ค.54 และบังคับใช้กับ มาลายา (และต่อมาภายหลังคือ ประเทศมาเลเซีย) และราชอาณาจักรไทยโดยการแลกเปลี่ยน ทางการทูตลงวันที่ 27ต.ค. 2502
ขอขอบคุณข้อมูลจากทางข่าวสดออนไลน์
.......
บารมีเหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ รุ่นกรุงธนบุรี คุ้มครองชีวิต (คลิ๊ก)
ปาฏิหาริย์อีกครั้ง เหรียญสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชชาววัดอรุณ ช่วยชีวิตคุณยายวัย 73 ปี ให้รอดตายอย่างน่าอัศจรรย์ใจ (คลิ๊ก)
พระธรรมรัตนดิลก เจ้าอาวาสวัดอรุณ พระผู้สร้างเหรียญพระเจ้าตากชาววัดอรุณ หนึ่งเดียวในตำนานประวัติศาสตร์กรุงธนบุรี (คลิ๊ก)
สแกน QR Code เพื่อการเที่ยวชมความจริงของวัดอรุณราชวรารามแบบจำลองความจริงทั้งพระบถ
QR Code เพื่อการสำรวจความงามของวัดอรุณทั้งพระอาราม.
QR 碼以探索黎明寺的美麗。整個修道院。